สวัสดีค่าา ในวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ขึ้นไปทางภาคอีสานของประเทศญี่ปุ่นกันบ้างนะคะ ที่เรารู้จักกันในภาษาญี่ปุ่นว่า “โทโฮคุ (Tohoku)” ซึ่งเราจะเดินทางไปเมืองเซนได (Sendai) ของจังหวัดมิยางิ (Miyagi) กันค่ะ และทริปนี้ก็ยังเกี่ยวกับทริปชมใบไม้เปลี่ยนสีด้วยนะคะ

การเดินทางจากโตเกียวไปเซนได (Tokyo → Sendai)

ก่อนอื่นเราจะพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักกับการเดินทางเข้าสู่เมืองเซนไดกันก่อนนะคะ เมืองเซนได (Sendai) นั้นตั้งอยู่ในจังหวัดมิยางิ (Miyagi) ของภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) ซึ่งอยู่ทางเหนือของโตเกียว (Tokyo) ซึ่งอยู่ในภูมิภาคคันโต (Kanto) ขึ้นไปประมาณ 300 กิโลเมตร การเดินทางนั้นมีหลายประเภท อันได้แก่ เครื่องบิน ชินคันเซ็น (รถไฟความเร็วสูง) และรถบัส

การเดินทางด้วยเครื่องบิน

TOKYO (TYO) - SENDAI (SDJ)
Google

การเดินทางภายในประเทศญี่ปุ่นด้วยสายการบินแบบ Low Cost อยู่ในราคาที่เราสามารถจ่ายไหว แต่ในเส้นทาง TOKYO (TYO) – SENDAI (SDJ) นั้นมีสายการบินที่ให้บริการหลักๆ อยู่ คือ All Nippon Airways (ANA) ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ดังนั้นใครที่ไม่กังวลเรื่องงบประมาณก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าพิจารณาค่ะ ราคาอยู่ที่ประมาณ 13,000- 17,000 เยน แต่ในเส้นทางอื่นๆ อย่าง นาโกย่า ฮอกไกโด จะมีสายการบินอื่นๆ ที่ราคาย่อมเยาว์ค่ะ อย่างไรก็ตาม การเดินทางด้วยเครื่องบินจะเหมาะกับการไม่หิ้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ไม่เช่นนั้นก็จะเสียเวลาในการโหลดกระเป๋าและกำลังทรัพย์ในการเดินทางมากขึ้นโดยใช่เหตุ

นอกจาก All Nippon Airways แล้วก็มี Japan Airlines ที่มีเที่ยวบินภายในประเทศจากเมืองต่างๆ มายังเมืองเซนได ส่วนสายการบินที่เป็น Low Cost ก็มี IBEX Airlines, AIRDO, Peach Aviation, SKYMARK AIRLINES

การเดินทางด้วยชินคันเซ็น (รถไฟความเร็วสูง)

Shinkansen Yamabikoเพื่อนๆ สามารถเดินทางโดยใช้รถไฟความเร็วสูงได้ ในรถไฟชินคังเซนสาย Tohoku Shinkansen Line ใช้เวลาวิ่งจากสถานี Tokyo ไปสถานี Sendaiประมาณ 2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับประเภทขบวนของชินคังเซ็น ซึ่งก็มีอยู่หลายขบวนทีเดียว อาทิ Yamabiko, Hayabusa, Komachi และ Hayate ราคาแบบไม่จองที่นั่งราคารวม 10,370 เยน ซึ่งสามารถตรวจสอบเวลารถวิ่งได้จากเว็บไซต์ Hyperdia.com

การเดินทางด้วยชินคันเซ็นแม้จะมีราคาสูง แต่สำหรับผู้ที่ถือ JR Rail Pass และ JR East-South Hokkaido Rail Pass สามารถขึ้นได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมทั้งแบบจองและไม่จองที่นั่ง โดยนั่งสาย Tohoku Shinkansen หรือ Akita Shinkansen ข้อดีของชินคันเซ็นก็คือความสะดวกสบาย มีเที่ยวรถเยอะมากในแต่ละวัน ไร้ปัญหาเรื่องการขนสัมภาระขนาดใหญ่และประหยัดเวลา เช่น สามารถเดินทางแต่เช้าตรู่แล้วไปถึงเซนไดในช่วงสายๆ ได้เลย

การเดินทางด้วยรถบัส

รถบัส Willer Expressการเดินทางด้วยรถบัสเป็นการเดินทางที่ราคาประหยัด เริ่มต้นที่ประมาณ 2,600 เยน แต่ใช้เวลาค่อนข้างนาน ประมาณ 6 ชั่วโมง แต่เราก็สามารถขึ้นรถบัสกลางคืน (Night Bus) ได้ จะไปถึงที่เซนไดตอนเช้าพอดี สำหรับคนที่อยากมีเวลาเที่ยวเยอะๆ การนั่งรถบัสกลางคืนก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ก็มีข้อเดียและข้อเสียดังนี้ค่ะ

ข้อดี คือ ประหยัดได้ทั้งค่ารถและค่าโรงแรม เพราะต้องเดินทางเวลาดึกดื่นเที่ยงคืน และจะถึงเซนไดในเวลาเช้ามืดของอีกวัน นอกจากนั้นยังไม่มีปัญหาเรื่องการขนสัมภาระขนาดใหญ่ เพราะสามารถใส่ใต้ท้องรถได้เลย

ข้อเสีย คือ ความโหดและถึกในเรื่องของการอดนอนเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องนอนบนรถที่ไม่ค่อยได้นอนแบบเต็มอิ่ม อีกทั้งยังเดินทางไปถึงเช้ามืด ใครที่หมดพลังก่อนก็จะไปต่อไม่ไหว แต่คนที่ไปไหวก็อาจจะมึนๆ ไปทั้งวัน ขากลับก็จะลำบาก ถ้าเที่ยวหนักแล้วกลับเลย นอนดึกตื่นเช้าอีกวัน จะเป็นการเที่ยวที่ค่อนข้างกินพลังงานค่ะ

การจองรถบัสสามารถใช้บริการได้หลากหลายบริษัท แต่ที่แอดมินใช้ประจำคือ Willer Express ซึ่งมีเว็ปไซต์ภาษาอังกฤษ และมีส่วนลดของการเก็บสะสมคะแนนอีกด้วยค่ะ


รีวิวการเดินทางจากโตเกียวไปเซนไดด้วยรถบัสกลางคืน

แน่นอนว่าการเดินทางราคาประหยัดสำหรับคนมีงบประมาณจำกัด เบี้ยน้อยอย่างแอดมินนั้นก็คือ “รถบัสกลางคืน” ค่ะ เราจะเริ่มต้นที่โตเกียว โดยมาขึ้นรถที่ท่ารถบัส Shinjuku Expressway Bus Terminal ตรงสถานี Shinjuku สำหรับเพื่อนๆ ที่มาจากฝั่งสถานี JR Shinjuku สามารถออกประตูทางด้าน Shin-minami แล้วข้ามฝั่งถนนมาที่ตึกใหม่ชื่อ NEWoMan ได้เลย

JR Shinjukuประตูทางออก Shin-minami ติดกับทางยกระดับและด้านบนเป็นห้าง LUMINE 2

เมื่อข้ามฝั่งถนนมาแล้วก็ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 4 เพื่อนๆที่เดินทางมาจากรถไฟใต้ดินสาย Marunouchi Line, Fukutokushin Line ให้ลงสถานี Shinjuku- sanchome ประตู 10 แล้วก็ขึ้นลิฟต์ขึ้นมาตึก NEWoMan ได้เลยเช่นกัน

แผนที่จากสถานีรถไฟใต้ดินประตู 10 และห้าง NEWoMan

Shinjuku Expressway Bus Terminalเมื่อเราออกจากทางเดินทางใต้ประตู 10 ของรถไฟใต้ดินแล้ว เราจะมาโผล่ในจุดที่เป็นใต้สะพานค่ะ จะมีลิฟต์อยู่ตรงหน้าหนึ่งตัวอยู่ข้างๆ บันไดที่จะขึ้นไปยังถนนยกระดับด้านบน เราก็ขึ้นลิฟต์ตัวนั้นขึ้นมาเลย แล้วจะมาโผล่อยู่ฝั่งหน้าห้าง NEWoMan ตรงข้ามเป็นสถานี JR Shinjuku มองหาป้ายเหมือนในรูปนะคะ แล้วเดินไปขึ้นลิฟต์ตามป้ายบอกเลยค่ะ

Shinjuku Expressway Bus Terminal 4F Mapขึ้นมาแล้วก็สอดส่องหาโซนต่างๆ ดูค่ะ เช่น บริเวณรอขึ้นรถ ซื้อตั๋ว ห้องน้ำ ตู้กดน้ำ ร้านสะดวกซื้อ ทั้งนี้พิจารณาตามสิ่งอำนวยความสะดวกที่เราต้องใช้ค่ะ ประหยัดเวลาเดินหาไปได้เยอะทีเดียว

เมื่อขึ้นมาถึงบริเวณชานชาลาแล้วก็มองหารอบรถและชื่อบริษัทรถบัสที่เราจองไว้ให้ดีค่ะ เน้นย้ำว่าต้องถูกต้องทั้ง ชื่อบริษัทของรถที่เราใช้บริการ จุดหมายปลายทาง และเวลาการเดินทาง เนื่องจากว่าแอดมินนั้นหน้าแตกและเกือบตกรถไปแล้วเรียบร้อย แม้จะพกข้อมูลไปแล้วก็ตาม คือว่า เวลารถออกและปลายทางที่เดียวกัน แต่เป็นรถคนละบริษัท แถมยังอยู่ชานชาลาติดกันอีก

Shinjuku Expressway Bus Terminalบริเวณนั่งรอรถบัส

เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้เดินดูรอบๆ สักรอบ แล้วไปเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เมื่อใกล้ถึงเวลาเดินทางก็รีบมาเข้าแถวเตรียมรอรถได้เลยค่ะ จะมีพนักงานคอยเช็คให้เราทีละคนพร้อมกับเก็บกระเป๋าและแจ้งที่นั่งให้กับเรา

ในเรื่องของการยืนยันเอกสารในการขึ้นรถ แต่ละบริษัทอาจจะไม่เหมือนกัน แต่ของบริษัท Willer Express ที่แอดมินใช้ประจำนั้น สามารถโชว์คำยืนยันการจองจากอีเมลล์โดยไม่ต้องปริ้นออกมาได้ แต่บางบริษัทต้องปริ้นใบยืนยันการจองมาด้วย กรุณาอ่านรายละเอียดให้ดีนะคะ

Shinjuku Expressway Bus Terminalเมื่อถึงเวลาก็ขึ้นรถได้เลยค่ะ รถที่เราลองใช้บริการในครั้งนี้นั้น เราเลือกใช้แบบ 3 แถวเดี่ยว หมายถึง 1 แถวมีอยู่ 3 ที่นั่ง แยกเป็นที่นั่งเดี่ยวทั้งหมด ระหว่างที่นั่งจะมีม่านกั้นเอาไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวค่ะ ในส่วนที่เชื่อมต่อกับด้านหน้าก็จะมีผ้าดำปิดเอาไว้ให้เราได้นอนหลับสบายตลอดทางค่ะ รถบางคันจะมีห้องน้ำให้บริการด้วย ซึ่งจะต้องเดินลงไปโซนด้านล่างที่เขาจัดเอาไว้ให้ ดังนั้นแม้จะเป็นรถบัสที่มีห้องน้ำ แต่จะไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์แน่นอน

อีกหนึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกที่เราชอบมากๆ คือการที่มีที่ปิดหน้า ลักษณะคล้ายหมวก ทำหน้าที่กันแสงไม่ให้เข้าตา ช่วยจัดลักษณะการนอนไม่ให้เราตกเก้าอี้ อีกทั้งยังมีประโยชน์อย่างมากในการเก็บเสียงกรนค่ะ และอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับสุภาพสตรีก็คือ มีรถเฉพาะผู้หญิงด้วยค่ะ ทำให้เราสามารถเดินทางได้อย่างสบายใจมากขึ้นนั่นเอง

การนั่งรถจะมีการประกาศตั้งแต่รถเริ่มออกรถว่าจะมีการพักเข้าห้องน้ำจุดไหนบ้าง จุดละกี่นาที ในบางกรณีที่เราหิวกลางทาง ก็สามารถหาซื้อขนมทานได้ที่จุดพักรถ เขาจะมีการเปิดขายของเกือบทั้งคืนค่ะ

JR Sendai Stationเวลาประมาณตี 5 ครึ่ง เราจะเข้าสู่เมืองเซนได ซึ่งจะมีหลายป้ายที่เราสามารถเลือกลงได้ แต่ว่าเราจะเลือกลงบริเวณที่ใกล้สถานี JR Sendai ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด เพื่อที่จะเดินทางภายในเมืองนั่นเอง

เราขอจบการเดินทางมายังเมืองเซนไดเพียงเท่านี้ค่ะ บทความหน้าเราจะมาพาทัวร์ในสถานี JR Sendai นะคะ สำหรับวันนี้ สวัสดีค่า

อ่านตอนต่อไป » [รีวิว] JR Sendai Station สถานีหลักของเมืองเซนได พร้อมแนะนำร้านค้าต่างๆ


บทความเที่ยวเซนได (Sendai) ดูทั้งหมด »

• เมืองเซนได

· การเดินทางจากโตเกียวไปเซนได (Tokyo → Sendai) ในจังหวัดมิยางิ (Miyagi)
· JR Sendai Station สถานีหลักของเมืองเซนได พร้อมแนะนำร้านค้าต่างๆ
· ลิ้นวัวย่าง (Gyutan Yaki) อาหารขึ้นชื่อของเมืองเซนได (Sendai)
· Kyou Bar Lounge & Inn โรงแรมริมแม่น้ำ ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่เซนได (Sendai)
· เที่ยวเซนได (Sendai) 1 วัน ชมใบไม้เปลี่ยนสี ปราสาทเซนได (Sendai Aoba Castle)

• แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง

· Tashirojima เกาะแมว (Cat Island) แห่งจังหวัดมิยางิ (Miyagi)
· Zao Fox Village (Zao Kitsune Mura) หมู่บ้านจิ้งจอกแห่งจังหวัดมิยางิ (Miyagi)
· การเดินทางจากเซนไดไปยามาเดระ (Sendai → Yamadera)
· ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ Yamadera Temple วัดบนเขาที่อายุเก่าแก่กว่า 1000 ปี

เทียบราคาโรงแรมที่พักในเซนได


รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com