4 วิธีการเดินทางง่ายๆ และรวดเร็ว ระหว่างโตเกียว – โอซาก้า ทั้งแบบมีและไม่มี JR PASS

102149
Shinkansen

เนื่องจากทริปใหญ่ระหว่างโตเกียวและโอซาก้าที่ผ่านมา แอดมินได้มีโอกาสใช้พาหนะชนิดต่างๆ เรียกว่าเยอะแยะตาแป๊ะไก่มาก และเนื่องด้วยในขณะนั้นเรามาเรียนที่ญี่ปุ่นจึงได้เป็นวีซ่าระยะยาว ทำให้ไม้ได้สิทธิในการท่องเที่ยวต่างๆ แบบนักท่องเที่ยวธรรมดา และไม่สามารถใช้ JR PASS ได้ การเดินทางไกลจากโตเกียวไปโอซาก้านั้นจึงกลายเป็นเรื่องที่ต้องคิดให้ถี่ถ้วน เพราะค่าใช้จ่ายนั้นสูงมากเลยทีเดียว

วันนี้เราจึงอยากจะนำเสนอการเดินทางในหลายๆ รูปแบบ โดยเป็นเส้นทางระหว่าง โตเกียวและโอซาก้า (Tokyo – Osaka) ซึ่งเป็นเส้นทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว มาดูกันเลยค่า ว่าจะมีวิธีการเดินทางระหว่าง 2 เมืองนี้อย่างไรบ้างที่ง่ายและรวดเร็ว

วิธีการเดินทางระหว่างโตเกียว – โอซาก้า

1. รถไฟชินคันเซ็น

ชินคันเซ็น NOZOMI
ชินคันเซ็น NOZOMI

ชินคันเซ็น (Shinkansen) หรือถไฟความเร็วสูงนั้นถือว่าเป็นยานพาหนะในฝันของใครหลายๆ คนที่อยากจะนั่งกัน เพราะเป็นรถไฟที่วิ่งได้เร็วมาก ในเส้นทางโตเกียว (สถานี Tokyo) – โอซาก้า (สถานี Shin-Osaka) ก็มี 3 ขบวนให้บริการ ได้แก่ NOZOMI (ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เร็วสุด จอดน้อยที่สุด), HIKARI (จอดบางสถานี) หรือ KODAMA (ช้าที่สุด เพราะจอดทุกสถานี)

สำหรับ JR PASS ที่ใช้นั่งชินคันเซ็นในเส้นทางนี้ได้นั้น จะมีอยู่แบบเดียวแบบ All Area ที่สามารถใช้ได้ทั่วญี่ปุ่น (ราคาพาสเริ่มต้นที่ 29,650 เยนสำหรับผู้ใหญ่) โดยสามารถขึ้นชินคันเซ็นขบวน HIKARI (ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง) หรือขบวน KODAMA (ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง) ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย (※ยกเว้นขบวน NOZOMI)

เปรียบเทียบระยะเวลาในการในการเดินทาง

ขบวนระยะเวลา
NOZOMI※ประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที
HIKARIประมาณ 3 ชั่วโมง
KODAMAประมาณ 4 ชั่วโมง
※หากใช้ JR PASS ก่อน 1 ต.ค. 2023 กับขบวน NOZOMI จะต้องจ่ายค่าโดยสารแบบเต็มราคา เริ่มต้นที่ 13,870 เยน (แบบไม่จองที่นั่ง)
※หากใช้ JR PASS ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2023 กับขบวน NOZOMI สามารถซื้อตั๋วเพิ่มเพียง 4,960 เยน
ชินคันเซ็น

ส่วนกรณีที่ไม่ได้ซื้อ JR PASS ก็ต้องจ่ายราคาเต็มๆ ไม่ว่าจะขึ้นขบวนเร็วแค่ไหน ราคาตั๋วก็เท่ากันค่ะ ซึ่งค่าโดยสารทั่วไปจะแบ่งเป็น Basic Fare 8,910 เยน + Express Fee 4,960 เยน + ค่าจองที่นั่งต่างหาก ถึงแม้จะมีโซนสำหรับไม่ต้องจองที่นั่งก็ใช้ต้องเงินจำนวนหนึ่งอยู่ดี รวมค่าใช้จ่ายแล้ว ถ้าขึ้นชินคันเซ็นจะเสียเที่ยวละ 13,870 เยน (ราคานี้เป็นแบบไม่จองที่นั่ง) หากเป็นแบบ Green Car นี่สามารถจองตั๋วเครื่องบินไทยมาโอซาก้าได้เลยค่าาา

ค่าโดยสารชินคันเซ็น Tokyo – Shin-Osaka

ประเภทค่าโดยสาร
Non-Reserved Seatทุกขบวน 13,870 เยน
Reserved SeatKODAMA, HIKARI 14,600 เยน
NOZOMI 14,920 เยน
Green CarKODAMA, HIKARI 19,470 เยน
NOZOMI 19,790เยน

※จองตั๋วชินคันเซ็นแบบรายเที่ยวล่วงหน้าทางออนไลน์ได้ที่ » klook.com (ภาษาไทย)

จองได้ตั้งแต่ 18 – 31 ต.ค. 2024
※โค้ดมีจำนวนจำกัด

จองตั๋วรถไฟในญี่ปุ่น ซื้อ JR Pass

หากคิดจะขึ้นชินคันเซ็นในเส้นทางโตเกียว – โอซาก้า ถ้าซื้อ JR PASS แบบ 7 วัน คิดว่ายังไงก็คุ้มอยู่แล้วค่ะ แค่นั่งรถไฟขาเดียวก็ปาไปครึ่งนึงของราคาพาสแล้ว แถมยังใช้เดินทางได้อีกตั้ง 7 วัน

ราคา JR PASS สำหรับซื้อนอกประเทศญี่ปุ่น (ถึง 30 ก.ย. 2023)

ประเภทราคาพาส
(Ordinary)
ราคาพาส
(Green Car)
แบบ 7 วัน29,650 เยน39,600 เยน
แบบ 14 วัน47,250 เยน64,120 เยน
แบบ 21 วัน60,450 เยน83,390 เยน
※สามารถซื้อพาสในราคานี้ได้ถึง 30 ก.ย. 2023 และนำไปแลกพาสจริงที่ญี่ปุ่นได้ก่อนวันที่ 28 ธ.ค. 2023
※ถ้าใครมีแพลนจะใช้พาสในช่วงนี้ แนะนำให้ซื้อไว้ก่อนที่จะปรับขึ้นราคาได้เลย โดยสามารถซื้อไว้ แล้วไปแลกรับพาสจริงได้ภายใน 90 วัน

ราคา JR PASS สำหรับซื้อนอกประเทศญี่ปุ่น (ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2023)

ประเภทราคาพาส
(Ordinary)
ราคาพาส
(Green Car)
แบบ 7 วัน50,000 เยน70,000 เยน
แบบ 14 วัน80,000 เยน110,000 เยน
แบบ 21 วัน100,000 เยน140,000 เยน
※พาสจะมีการปรับราคาใหม่ตั้งแต่ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2023@4:00 เวลาญี่ปุ่น สำหรับผู้ที่ซื้อผ่านเว็บไซต์ JAPAN RAIL PASS Reservation
※หากต้องการขึ้นรถไฟขบวน NOZOMI จะต้องต้องซื้อตั๋วเพิ่มต่างหาก 4,960 เยน (จะมีการจำหน่ายตั๋ว NOZOMI พิเศษสำหรับผู้ที่ใช้ JR PASS ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2023)

โดยส่วนตัวแล้วไม่แนะนำให้นั่งรถไฟธรรมดาแบบรวดเดียว เพราะต้องต่อรถประมาณ 6 เที่ยว ใช้เวลาอย่างต่ำคือ 8 ชั่วโมง ใช้ค่าเดินทางทั้งหมดประมาณ 8,910 เยน ถือว่าประหยัดค่าโดยสารไปได้ยังไม่ถึงครึ่งอีกด้วยค่ะ

※ซื้อ JR PASS ทางออนไลน์ได้ที่ » klook.com (ภาษาไทย)
※เช็คเที่ยวรถไฟได้ที่ » japantravel.navitime.com (ภาษาอังกฤษ)

Klook.com

หมายเหตุ:

ตั้งแต่พฤษภาคม 2020 หากใช้บริการ Tokaido Shinkansen เส้นทางระหว่างสถานี Tokyo – Shin-Osaka จะต้องจองที่วางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ (เกิน 160 เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 250 เซนติเมตร) โดยสามารถจองได้ฟรีที่เคาน์เตอร์ของรถไฟ JR ตามสถานีต่างๆ รวมไปถึง Smart EX และ Shinkansen Express Ride app

วัดขนาดกระเป๋าเดินทาง
  • วิธีคำนวณขนาดของกระเป๋าเดินทาง ให้เอาความยาว (C) + ความกว้าง (B) + ความสูง (A)
  • กระเป๋าเดินทางที่เล็กว่า 160 เซนติเมตร สามารถเอาขึ้นรถไฟได้โดยไม่ต้องจองที่วางล่วงหน้า
  • กระเป๋าเดินทางที่ใหญ่กว่า 250 เซนติเมตร ไม่สามารถเอาขึ้นรถไฟได้
  • หากไม่จองที่วางกระเป๋าขนาดใหญ่ล่วงหน้า จะมีการเรียเก็บเรียกเก็บเงินเพิ่ม 1,000 เยน + ภาษี

※ดูรายละเอียดได้ที่ » jnto.or.th (ภาษาไทย)

2. เครื่องบินในประเทศ

peach air
Photo by flypeach.com

เมื่อพูดถึงการเดินทางจากโตเกียวมาโอซาก้าโดยเครื่องบินแล้ว แน่นอนว่าเร็วที่สุด ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง 10 นาที สำหรับจากสนามบินฮาเนดะ (HND) มายังสนามบินอิตามิ (ITM) แต่หลายคนอาจคิดว่าค่าตั๋วต้องแพงอย่างแน่นอน อย่ากระนั้นเลยค่ะ ค่ารถไฟแพงกว่าอีก (เศร้าแป๊บ…)

แต่จะบอกว่าจริงๆ แล้ว ขึ้นอยู่กับสายการบินมากกว่า ถ้าใช้บริการของ ANA (ได้ยินคนญี่ปุ่นเขาเรียกว่า…อะนา) หรือ JAL (แจล) ซึ่งเป็น Full Service ราคาก็พุ่งกระฉูดไปที่ 10,000 – 20,000 เยนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่สายการบิน Low Cost ในประเทศญี่ปุ่นเองก็มีให้บริการเช่นกัน เช่น Jetstar และ Peach เปรียบเทียบก็คล้ายๆ กับ AirAsia, Nokair ของบ้านเราค่ะ ราคาตั๋วก็ประมาณ 5,000 – 10,000 เยนค่ะ

จากที่เคยใช้บริการสายการบิน Peach จากโตเกียวมาโอซาก้าในเส้นทางสนามบินนาริตะ (NRT)สนามบินคันไซ (KIX) เราเคยจองได้ราคา 6,000 เยนโดยประมาณ เป็นราคายังไม่รวมโหลดกระเป๋า และถือขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 10 กิโลกรัม เก้าอี้รู้สึกว่าจะกว้างกว่า AirAsia บริการอื่นนอกจากนี้จะคล้ายๆ กับ Low Cost ทั่วไปค่ะ แต่แอร์โฮสเตสจะตัวเล็กๆ ซึ่งที่เก้าอี้จะมีที่ให้เหยียบปีนขึ้นไปเก็บกระเป๋าด้วย ตอนแรกแอบตกใจนะคะ แต่ว่าเข้าใจเขาค่ะด้านบนมันสูงจริงๆ และแอร์ทุกคนสวมกางเกง การบริการถือว่าโอเคสำหรับ Low Cost (มารตฐานการบริการแบบญี่ปุ่น)

ตัวอย่างสายการบินระหว่างโตเกียว – โอซาก้า

สายการบินเส้นทางบินระยะเวลาราคาตั๋วเครื่องบิน
JetstarNRT – KIX1 ชั่วโมง 45 นาที5,000 – 10,000 เยน
PeachNRT – KIX1 ชั่วโมง 40 นาที5,000 – 10,000 เยน
JALHND – KIX1 ชั่วโมง 20 นาที10,000 – 20,000 เยน
JALHND – ITM1 ชั่วโมง 10 นาที10,000 – 20,000 เยน
ANAHND – KIX1 ชั่วโมง 25 นาที10,000 – 20,000 เยน
ANAHND – ITM1 ชั่วโมง 10 นาที10,000 – 20,000 เยน

ถึงแม้ว่าสายการบินจะเร็วกว่าแต่ก็ต้องอย่าลืมเรื่องระยะเวลาในการรอขึ้นเครื่องอีกประมาณ 2 ชั่วโมง นอกจากนี้แม้ว่า Low Cost ราคาถูกกว่าก็จริง แต่สนามบินคันไซนั้นอยู่ออกมานอกตัวเมืองมากกกว่าสนามบินอิตามิ ก็ต้องเผื่อเรื่องระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าเมืองด้วยนะคะ

※ข้อมูลเพิ่มเติม: สนามบินคันไซ (Kansai Airport) และวิธีเดินทางเข้าเมืองโอซาก้า

3. รถบัสกลางคืน

WILLER EXPRESS BUS
Photo by ponpare.jp

รถบัสกลางคืนหรือส่วนใหญ่จะเรียกทับศัพท์ว่า “Night Bus” เป็นรถบัสวิ่งระหว่างเมืองในตอนกลางคืน เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการความประหยัดและไม่มี JR PASS การเดินทางด้วยรถบัสนี้เราได้ใช้บริการตอนขากลับจากโอซาก้าค่ะ ราคาถูกกว่าเครื่องบินเล็กน้อย อยู่ที่ประมาณ 4,500 – 5,500 เยน จริงๆ แล้วจะมีราคาตั้งแต่ประมาณ 3,500 เยนขึ้นไป ทั้งนี้ทั้งนั้นจะขึ้นอยู่กับรูปแบบที่นั่งและเวลาเดินทางด้วยค่ะ

ข้อดีของการนั่ง Night Bus นั้น คือประหยัดค่าโรงแรมและประหยัดค่าเดินทางไกลได้อีกด้วย โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 ชั่วโมงค่ะ ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกของ รวมถึงการโหลดสำภาระใต้ท้องรถได้ด้วยคล้ายๆ เครื่องบินค่ะ ยิ่งจองล่วงหน้าไว้นาน ราคาจะยิ่งถูก รถบัสมีหลากหลายประเภทให้เลือกมากมาย

รถบัสของ Willer Express
รถบัสของ Willer Express

รถบัสญี่ปุ่นนี่สบายมากจริงๆ ซึ่งบริษัทที่ให้บริการนั้นมีอยู่มากมาย แต่ที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวมากที่สุดน่าจะเป็น Willer Express เนื่องจากเว็[ไซต์มีภาษาอังกฤษ สามารถจองล่วงหน้าผ่านทางออนไลน์ได้ 3 เดือน และชำระผ่านบัตรเครดิตหรือเดบิตได้ ซึ่งนั่นจะทำให้นักท่องเที่ยวสามารถจองล่วงหน้าได้อย่างสะดวก

ตัวอย่างค่าโดยสาร Tokyo Station – Osaka Station

ประเภทค่าโดยสาร
STANDARD
(เก้าอี้มาตรฐาน)
4,100 – 8,500 เยน
Relax
(เก้าอี้มีที่กั้น)
5,500 – 9,000 เยน
Comodo
(เก้าอี้เดี่ยว)
7,600 – 9,900 เยน

※จองตั๋วได้ที่ » willerexpress.com (ภาษาอังกฤษ)

4. รถไฟกลางคืน

รถไฟกลางคืน หรือ Night Train หรือ Sleeper Train ที่มีตู้นอนในปัจจุบันมีให้บริการเพียงสายเดียวในญี่ปุ่นเรียกว่า “Sunrise Express” โดยสามารถแบ่งย่อยได้เป็น “Sunrise Izumo” และ “Sunrise Seto” ค่ะ ทั้งคู่นี้จะเริ่มวิ่งจากสถานี Tokyo ไปด้วยกัน แล้วไปแยกขบวนกันที่สถานี Okayama ในภูมิภาคชูโกกุ เพื่อไปยังสถานีปลายทางของแต่ละขบวน

ทั้งนี้เส้นทางที่รถไฟกลางคืนให้บริการนั้นมีแค่จากฝั่งโอซาก้าไปโตเกียวเท่านั้น (※ถ้ามาจากโตเกียว รถไฟจะไม่จอดที่โอซาก้า จะไปจอดที่ฮิเมจิแทน) โดยรถไฟจะออกจากสถานี Osaka ตอน 0:33 น. และจะมาถึงสถานี Tokyo ตอน 7:08 น. ซึ่งเป็นตอนเช้าพอดี รวมใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมงครึ่ง หลับสนิทและสบายเหมือนอยู่โรงแรมเลยค่ะ อิ อิ

หน้าตาของรถไฟกลางคืนนี้จะเหมือนหุ่นหนักๆ แน่นๆ สูงกว่ารถไฟปกติ และท้องรถโหลดต่ำกว่ารถไฟทั่วไป ด้านในมี 2 ชั้น ประกอบด้วย ห้องนอน ห้องนั่งเล่น โซนนั่งพักผ่อน ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ห้องทานอาหาร ตู้ขายน้ำอัตโนมัติ (ไม่มีขายอาหาร ควรเตรียมมาเอง)

ในส่วนของห้องนอนมีหลายประเภทค่ะ ทั้งตู้นอนรวม ห้องนอนส่วนตัว ซึ่งมาพร้อมกับความไฮโซและราคาที่สูงลิบลิ่ว โดยสามารถแบ่งค่าตั๋วโดยสารเป็น Basic Fare 8,910 + Limted Express Fee 2,960 เยน + Researved Seat 530 เยน + Accomodation Fee เพิ่มเติมดังนี้

ประเภทAccomodation Fee
Nobinobi (Reserved Seat)
(ตู้นอนรวม)
Private Solo
(ตู้นอนเดี่ยว)
6,600 เยน
Private Single
(ห้องนอนเดี่ยว)
7,700 เยน
Private Single Twin
(ห้องนอนเดี่ยว เตียงสองชั้น)
9,600 เยน (สำหรับ 1 คน)
15,100 เยน (สำหรับ 2 คน)
Private Single Deluxe
(ห้องนอนเตียงเดี่ยว)
13,980 เยน
Private Sunrise Twin
(ห้องนอนเตียงแฝด)
15,400 เยน (สำหรับ 2 คน)

สำหรับคนที่มี JR PASS สามารถใช้กับ Nobinobi (ตู้นอนรวม) โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (ราคาปกติ 8,910 + 2,960 + 530 = 12,400 เยน) แต่วันที่เราจองบวนนี้มันเต็ม จึงต้องจองแบบห้องนอนสำหรับคนเดียว Private Single (ราคาปกติ 8,910 + 2,960 + 530 + 7,700 = 20,100 เยน) แทน

หน้าตาของที่นอนแบบ Nobinobi

ซึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวของเราเมื่อสมัยที่มาเที่ยวญี่ปุ่นหลายปีก่อน ห้องนอนแบบ Private Single สามารถใช้ JR PASS แสดงได้โดยไม่ต้องเสียค่าตั๋วโดยสาร แต่ต้องเสียค่าจองห้องนอนเพิ่มอีก 7,700 เยน ถ้าไม่มี JR PASS นะคะ คิดดู ปาไป 20,000 เยน โหววว =[]=!

หน้าตาของที่นอนแบบ Single

อันนี้เป็นห้องแบบ Private Single ที่เราเคยนอนค่ะ ห้องนี้เป็นโซนด้านบน มีของจำเป็นครบสำหรับการนอน สามารถดึงม่านลงมาปิดได้ และประตูล็อคได้ บางทีจะมีนายสถานีจะมาเคาะตรวจตั๋วรถด้วย ส่วนความสบายนั้นไม่ต้องถามถึง หลับเต็มอิ่มมาก

การเดินทางโดย Night Train นี้จริงๆ แล้ว เราได้นั่งโดยบังเอิญแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลยเมื่อหลายปีก่อน เมื่อมองย้อนไปแล้วคิดว่าดีมากๆ ที่ได้มีโอกาสนั่ง เพราะหากเป็นตอนนี้คงไม่ได้นั่งกันง่ายๆ เพราะมีตัวเลือกที่ถูกกว่าอย่าง Night Bus และ สายการบิน Low Cost (แบบว่าใจไม่ถึงที่จะเสียเงินเพิ่ม ฮาาา)

※ดูรายละเอียดได้ที่ » jprail.com (ภาษาอังกฤษ)

ตารางเปรียบเทียบวิธีการเดินทาง

วิธีการเดินทางระยะเวลาค่าโดยสาร
1. รถไฟชินคันเซ็น
※ใช้ JR PASS ได้
2 ชั่วโมง 30 นาที – 4 ชั่วโมง13,870 – 19,270 เยน
2. เครื่องบินในประเทศ1 ชั่วโมง 10 นาที – 1 ชั่วโมง 45 นาที5,000 – 20,000 เยน
3. รถบัสกลางคืนประมาณ 9 ชั่วโมง4,100 – 9,900 เยน
4. รถไฟกลางคืน
※เส้นทาง Osaka → Tokyo
※ใช้ JR PASS ได้
6 ชั่วโมง 35 นาที12,400 – 27,800 เยน

ถ้าจะถามว่าการเดินทางระหว่างโตเกียว – โอซาก้า วิธีไหนดีที่สุด เราก็ขอสรุปดังนี้

  • ถ้าสะดวกสุดก็ขอยกให้ “รถไฟชินคันเซ็น” ยิ่งคนมี JR PASS ยิ่งสบายค่ะ
  • ถ้าเร็วสุดก็ต้องเป็น “เครื่องบินในประเทศ” แต่อย่าลืมเผื่อเวลาก่อนและหลังขึ้นเครื่องด้วยนะคะ
  • ถ้าประหยัดสุดก็เป็น “รถบัสกลางคืน” นี่แหละค่ะ แถมยังช่วยเซฟค่าโรงแรมไปได้อีกคืนนึงด้วย
  • ถ้าอยากลองความแปลกใหม่ก็ต้อง “รถไฟกลางคืน” ที่มีเพียงสายเดียวในญี่ปุ่นนี่เลย!

ส่งท้าย

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ 4 วิธีการเดินทางระหว่างโตเกียวและโอซาก้าที่นำมาแนะนำนี้ หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังวางแผนเที่ยวไม่มากก็น้อย สำหรับวันนี้เราต้องลากันไปเพียงเท่านี้ ขอให้เพื่อนๆ เที่ยวญี่ปุ่นให้สนุกนะคะ การเดินทางหลายๆเมืองอาจจะเหนื่อยหน่อย แต่ก็เป็นความสนุกและสีสันของการท่องเที่ยวนะคะ สวัสดีค่ะ ^^

เขียนเมื่อ Feb 12, 2016
อัพเดทล่าสุด Jul 12, 2023

ค้นหาและเทียบราคาที่พักในโอซาก้า

บทความเที่ยวโอซาก้า (Osaka)

การเดินทาง
› วิธีเดินทาง
› บัตรเหมาจ่ายสุดคุ้ม
สถานที่ท่องเที่ยว
› Highlight
› Universal Studios Japan
› Osaka Bay
› Umeda
› Namba
› Tennoji
› Sumiyoshi
› เที่ยวนอกเมือง
โรงแรมที่พัก
ของกินของฝาก

+ ดูบทความเที่ยวโอซาก้าทั้งหมด

รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com