[รีวิว] เที่ยวชินงู (Shingu)#5 : สัมผัสวิถีชีวิตชาวสวน ณ ฟาร์มมันหวานย่านชานเมือง

ในตอนนี้ก็เป็นรีวิวสุดท้ายของการเที่ยวเมืองชินงู (Shingu) แล้วครับ ซึ่งเราก็มีโอกาสได้มาร่วมกิจกรรมกับชาวสวนท้องถิ่นที่ฟาร์มแถวชานเมืองครับ ขอบอกเลยว่าเป็นครั้งแรกที่ได้มาขุดมันหวานและนำมาเผาทานกันแบบสดๆ จากสวน เป็นประสบการณ์ที่พิเศษมากครับ

ตอนที่ 5: ทำกิจกรรมกลางแจ้ง “ฟาร์มมันหวานชานเมืองชินงู”

เช้าวันรุ่งขึ้นเราออกเดินทางจากที่พักไปยังฟาร์มย่านนอกเมืองชินงู [ดูแผนที่] เพื่อไปดูว่าชาวบ้านเขาทำอะไรกัน ตอนที่ไปถึง มีฝนปรอยๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราหมดสนุกแต่อย่างใด

เริ่มต้นก็มาทำข้าวปั้นเป็นอย่างแรกครับ เพราะยังไม่มีใครได้ทานมื้อเช้ามาก่อนเลย

เป็นยังไงบ้างครับกับฝีมือการปั้นข้าวปั้น กลมบ้าง เหลี่ยมบ้าง ข้าวเพิ่งหุงใหม่นั้นร้อนมือมากครับ ถือนานไม่ได้

มื้อเช้าของเราครับ ประกอบไปด้วยข้าวปั้นกับผักดอง ซุปมิโซะที่ทำเองเช่นกัน และเมะฮาริซูชิ (めはり寿司) ที่อยู่ทางขวามือ ซึ่งก็คือ ข้าวปั้นห่อด้วยใบทากานะดองเกลือ เป็นอาหารดั้งเดิมของที่นี่ โดยสมัยก่อนใช้เป็นข้าวห่อสำหรับชาวไร่ชาวนาและคนที่ทำงานกลางป่าเขา นั่นหมายความว่าตอนนี้ เราได้ทานเมะฮาริซูชิแบบถูกเวลาและสถานที่มากครับ 555

พอทานข้าวแล้วก็เริ่มใช้แรงงานกัน ด้วยการขุดมันหวานมาเผาทานกันต่อ ตอนแรกคิดว่าแค่ดึงๆ ก็ออก แต่เอาเข้าจริงแอบยากนะ ต้องคอยระวังไม่ให้มันหัก ถ้าอยู่ลึกเกิน ค่อยๆ คุ้ยดินออกก่อนครับ

มันเผา เผาจริงกลางสวน ไม่ผ่านตู้อบครับ

อาจจะด้วยเพราะความสมบูรณ์ทางธรรมชาติของเมืองชินงู ที่ห้อมล้อมด้วยแม่น้ำ ภูเขา และต้นไม้สีเขียวทำให้ผลผลิตทางการเกษตรของที่นี่เติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ การทานมันเผาครั้งนี้ รู้สึกอร่อยกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาจริงๆ ครับ

ขอนอกเรื่องนิดนึง แอบเดินเล่นข้างทาง เจอร้านขายของแบบวางทิ้งไว้แล้วให้หยิบไปและจ่ายเงินนเอง เหมือนที่เคยเห็นในเน็ตเลยครับ วันนี้ได้มาเจอของจริงละ ดีใจจัง 555

ข้าวญี่ปุ่นเม็ดอ้วนๆ กว่าข้าวไทย

ขอจบไปด้วยอาหารอีกมื้อ จากนั้นพวกเราเหล่าบล็อกเกอร์ที่ได้รับเชิญมา ก็มาถ่ายรูปรวมครับปิดท้ายทริปครับ หลังจากนี้ก็ได้เวลาเดินทางกลับโตเกียวกันแล้ว ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสอย่าลืมมาเยี่ยมเยียนเมืองชินงู ณ จังหวัดวากายามะที่น่ารักแห่งนี้นะครับ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ วัฒนธรรม ศาสนา หรืออาหารนั้นระดับโลกจริงๆ ครับ ยิ่งถ้าเราได้ศึกษาประวัติของเมืองมาก่อนคร่าวๆ ก่อนแล้ว จะยิ่งอินมาก!

ท้ายนี้ผมต้องขอขอบคุณทาง Voyagin และ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองชินงู (Shingu City Tourist Association) ที่สนับสนุนการเดินทางครั้งนี้ครับผม