วันนี้เรากลับมาพร้อมกับการพักผ่อนที่จะทำให้คุณมีความสุขตลอดทริป โดยจะพาไปที่จังหวัดโอคายาม่า (Okayama) กันค่ะ ซึ่งเราได้มีโอกาสไปพักผ่อนกับชาวแก๊งในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมานี่เอง และสถานที่ที่เราอยากจะแนะนำนั้นก็คือ “Yunogo Bishunkaku (ゆのごう美春閣)” ซึ่งเป็นโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นที่แนะนำว่าควรจะไปลองสัมผัสบรรยากาศดูสักครั้ง
แม้จะมีน้อยครั้งที่แอดมินเขียนรีวิวโรงแรม แต่ว่าโรงแรมนี้คือสนุกจริงอะไรจริง จนเราอดไม่ได้ที่จะนำมาแนะนำให้เพื่อนๆ ได้ลองมาพักผ่อนสบายๆ แบบเรา อิ อิ (ทริปนี้แอดมินได้สปอนเซอร์จากทางจังหวัดนะคะ ยิ่งสบาย แฮร่~)
ข้อมูลโรงแรม Yunogo Bishunkaku
Yunogo Bishunkaku เป็นโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นที่เรารู้จักกันในนาม “เรียวกัง (Ryokan)” โรงแรมแห่งนี้ให้บริการห้องพักแบบญี่ปุ่นผสมตะวันตกและห้องพักแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ภายในโรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ สนามกอล์ฟ สปา ร้านอาหาร ร้านเหล้า (อิซากายะ) คาราโอเกะ และบริเวณพักผ่อนสงบๆ ของสวนแบบญี่ปุ่น มีออนเซ็นแบบบ่อรวม และบ่อส่วนตัว
ชื่อภาษาญี่ปุ่น
ゆのごう美春閣 (Yunogo Bishunkaku)
ที่อยู่โรงแรม
1144 Nakayama, Mimasaka-shi, Okayama Prefecture 707-0061
〒707-0061 岡山県美作市中山1144
การเดินทาง
- จากสถานี JR Okayama : นั่งรถบัส Uno Bus (For Hayashino) มาลงที่ Hayashino Bus center (110 นาที) จากนั้นนั่ง Free Shuttle Bus ของโรงแรม (10 นาที)
- จากสถานี JR Osaka หรือ Shin-osaka : นั่งรถบัส Chugoku Highway Bus มาลงที่ Mimasaki Interchange (140 นาที) จากนั้นนั่ง Free Shuttle Bus ของโรงแรม (12 นาที)
- จากสถานี JR Kyoto : นั่งรถบัส Tsuyama Express Kyoto มาลงที่ Mimasaki Interchangeจากนั้นนั่ง Free Shuttle Bus ของโรงแรม (12 นาที)
ราคา
เริ่มต้นคืนละ 10,000 เยน/คืน/คน (รวมอาหารเย็นและอาหารเช้า)
จองได้ที่เว็บไซต์ของโรงแรม yunogo.bonvoyage.co.jp
จำนวนห้องพัก
84 ห้อง
เวลา Check-in
ตั้งแต่ 15:00 น.
เวลา Check-out
ก่อน 10:00 น.
รีวิวโรงแรม Yunogo Bishunkaku
ขอเริ่มต้นรีวิวโรงแรมกันตั้งแต่ลงจากรถกันเลยนะคะ หลังจากที่เราลงจากรถก็จะมีพนักงานโรงแรมใส่สูทและกิโมโนยืนรอต้อนรับอยู่หน้าโรงแรมพร้อมยกกระเป๋าให้เราเลยค่ะ (คนขับรถของทริปนี้เขาจะยกลงจากรถให้)
เมื่อเข้าไปด้านในแล้วก็ติดต่อเรื่องห้องพักสักครู่หนึ่ง จะได้รับกุญแจมาพร้อมกับการแนะนำส่วนต่างๆ ของโรงแรม รวมทั้งตารางกิจกรรมภายในโรงแรมที่เราสามารถร่วมสนุกอีกด้วยค่ะ และก่อนที่เราจะขึ้นห้องพัก จะต้องเลือกยูกาตะเสียก่อน สามารถเลือกสีและไซส์ รวมถึงลายที่ชอบได้ด้วยค่า
บรรยากาศโดยรอบภายในล็อบบี้ก็ถือว่าดีไม่น้อยเลย เพราะมีหลายส่วน เช่น โซนเช่ายูคาตะ โซนขายของฝาก โซนเด็กเล่น โซนพักผ่อน และชมสวนญี่ปุ่น กว้างขวางและบรรยากาศดีมาก
เมื่อขึ้นมาถึงห้องพักของเราแล้ว สามารถเดินเข้าห้องได้เลย (เขาจะไม่ล็อคประตูเอาไว้ค่ะ) ห้องพักที่ได้นั้นเป็นแบบ Standard Guest Room นะคะ พอเข้าไปแล้วเรารู้สึก อยากจะล้มตัวลงนอน กลิ้งเกลือกตรงนั้นเลยค่ะ ด้านในเปิดแอร์ไว้เรียบร้อย รวมถึงมีการจัดโต๊ะญี่ปุ่นสำหรับพักผ่อนไว้ให้เราค่ะ
ประมาณ 10 นาทีให้หลังจะมีพนักงานมาเคาะห้องค่ะ ไม่ต้องตกใจนะคะ ให้เขาเข้ามาได้เลย เพราะคุณพนักงานเขาจะขึ้นมาเช็คความเรียบร้อยให้เราค่ะ ทางโรงแรมจะขึ้นมาต้มน้ำและชงชาเอาไว้ให้เรา นั่งพักผ่อนจิบชาเขียวร้อนๆ กับขนมญี่ปุ่นแสนอร่อย ที่เตรียมเอาไว้ ขนมบนโต๊ะทานได้ไม่เสียเงินค่ะ แนะนำให้ทานกับชาเขียวเลยจะอร่อยมากค่ะ
คุณพนักงานจะชงชา เปิดผ้าม่านและสอบถามความเรียบร้อยอีกเล็กน้อย เขาจะนั่งพับเพียบ (แบบญี่ปุ่น) และปิดประตูให้เราพักผ่อนตามอัธยาศัย กิริยาสุขภาพตามธรรมเนียมญี่ปุ่น จากนั้นเราก็พักผ่อนดื่มด่ำกับบรรยากาศของความเป็นญี่ปุ่น นั่งจิบชาเขียวร้อน ชมวิว พักสายตาบนเก้าอี้นวดที่เขามีให้บริการ สักพักก็ถึงเวลาทานอาหารเย็นกันแล้วค่ะ
อาหารเย็นมีหลากหลายให้ชุดให้เลือกทาน และครั้งนี้เราเลือกชุดที่ผสมผสานอาหารจากภูเขาและทะเล กระทั่งกลายเป็นชุดอาหารที่เราเห็นอยูู่ตรงหน้าแบบนี้ค่ะ ในส่วนของผู้ที่ไม่ทานเนื้อ หรือมีอาหารประเภทไหนที่ไม่สามารถทานได้ อาทิ เนื้อวัว หรือ แพ้อาหารบางชนิด กรุณาแจ้งพนักงงานโรงแรมตั้งแต่เวลาที่จองห้องและชุดอาหารนะคะ
บริเวณที่รับประทานอาหารแบ่งเป็นหลายๆ ห้องขึ้นอยู่กับจำนวนแขก หากมาเป็นกลุ่มใหญ่อาจจะจองเป็นห้องส่วนตัว หรือกลุุ่มเล็กก็ทานอาหารในส่วนที่เขาจัดเอาไว้ให้ค่ะ กลุ่มของแอดมินไม่ได้มีจำนวนมากแต่จะมีปัญหาเวลาถ่ายรูปเล็กน้อย เราจึงเลือกที่ทานในห้องส่วนตัวซึ่งจะมีพนักงานคอยชงเครื่องดื่มตลอดการรับประทานอาหารค่ะ
ก่อนการรับประทานอาหาร พนักงงานจะแจ้งรายการอาหารว่ามีอะไรบ้าง แล้วจึงเสิร์ฟตามลำดับค่ะ ดังนั้นขอแนะนำให้อย่ารีบทานจนหมดและถามหาข้าวนะคะ ตามวัฒนธรรมการรับประทานอาหารของญี่ปุ่นแล้ว ขั้นแรกควรจะดื่มเปิดงานที่คนญี่ปุ่นมักจะพูดคำว่า “คัมไป” แล้วจึงเริ่มรับประทานอาหารตามลำดับการเสิร์ฟ เริ่มจากออเดิร์ฟคือ กับแกล้มและปลาดิบ ค่อยๆ ละเลียดรสชาติของปลาดิบและวัตถุดิบแต่ละชนิดของอาหาร ตามด้วยอาหารประเภทต้ม โน่น นี่ นั่น ก็ว่าไปค่ะ
ในเซ็ตอาหารก็มีเนื้ออย่างดีที่เขาจะจุดไฟให้กะทะร้อนแล้วจึงนำเนยไปละลาย ตามด้วยการย่างเนื้อนุ่มๆ ทานกับข้าวสวยร้อนๆ ที่ปลูกภายในจังหวัด หลังจากนั้นจะเป็นครึ่งหลังของเซ็ตอาหาร ซึ่งเป็นโซนอาหารหนักอย่างเทมปุระ อาหารหนักท้อง แล้วจึงตามด้วยของหวานค่ะ
ครึ่งชั่วโมงสุดท้ายจะเป็นช่วงของการพักท้อง พร้อมกับการพูดคุยไปพร้อมๆ กับการดื่มเครื่องดื่ม ถือเป็นการจบมื้ออาหารเย็นสไตล์ญี่ปุ่นค่าาา แต่ยัง! ยังมีอีก มีเซอร์ไพร์สจากคุณผู้ดูแลโรงแรมแห่งนี้ค่ะ คุณพี่คนสวยเขาใส่หัวมาสคอตของโรงแรมมา Entertain ส่งท้าย (พี่เขาไปทุกห้องอาหารเลยนะคะ) ทำให้อาหารมื้อนี้จบลงด้วยความสุขและประทับใจมากเลยค่ะ
หลังจากมื้อค่ำสไตล์ญี่ปุ่นจบไปแล้วก็ถึงเวลาของกิจกรรมสนุกสนานกันบ้างค่ะ ซึ่งทางโรงแรมจะประกาศตารางเวลากิจกรรมต่างๆ เอาไว้ให้เราทราบตั้งแต่ตอนที่เราเข้าเช็คอินและมีการประกาศบริเวณล็อบบี้อีกครั้งค่ะ ในวันที่เราเข้าพัก ก็มีกิจกรรมสนุกๆ ที่ทำให้เรานึกถึงสมัยก่อนเลยค่ะ อาทิ การเล่นบิงโกที่แขกทุกคนสามารถเข้าร่วมได้โดยซื้อกระดาษบิงโกแผ่นละ 100 เยน ไม่จำกัดจำนวนแผ่นเลยค่ะ
แต่เมื่อเราบิงโกแล้วใช่ว่าเราจะได้รางวัลใหญ่ไปครองนะคะ เนื่องจากรางวัลจะมีหลายชิ้น รางวัลสูงสุดคือ ที่พักฟรีที่โรงแรม Yunogo Bishunkaku นี้ค่ะ และมีรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย เมื่อมีคนบิงโกหลายๆ คนต่อหนึ่งรอบ เขาจะให้จับไพ่เพื่อการจัดลำดับการเลือกของรางวัลค่ะ
คนดวงดีครั้งนี้คือหนูน้อยที่ได้ที่พักฟรีคราวหน้าไปครอง อิ อิ สนุกสนานจนลืมเวลากันเลยทีเดียว แต่ผู้ที่ไม่ได้รางวัลใดๆ ก็สามารถนำใบบิงโกที่เราซื้อมานี้ไปแลกซื้อของฝากได้นะคะ แผ่นบิงโก 1 ใบ มีค่าเท่ากับเงินจำนวน 100 เยน เสมือนกับว่าเราได้เล่นฟรีนั่นเอง
นอกจากกิจกรรมการเล่นบิงโกแล้วก็มีกิจกรรมดอกไม้ไฟเล็กๆ ที่สวนญี่ปุ่นกลางโรงแรมค่ะ ถึงจะไม่ได้ใหญ่โตมาก แต่ก็สร้างสีสันให้เหมาะกับบรรยากาศได้ไม่น้อย การได้ใส่ชุดยูกาตะท่ามกลางสวนญี่ปุ่นและชมดอกไม้ไฟนี่แหละค่ะที่เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมหน้าร้อนแบบญี่ปุ่นของจริง
ที่พิเศษสุดในทริปนี้ คือการที่เราได้มีโอกาสเข้าชม “HELLO KITTY ROOM” ห้องพักคิตตี้สไตล์ญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่แรกของญี่ปุ่น ซึ่งอาจเป็นที่เดียวในโลกก็ว่าได้ เพราะห้องพักคิตตี้ทั่วไปจะเป็นห้องแบบตะวันตก แต่ว่าที่โรงแรมแห่งนี้จะเป็นห้องพักแบบญี่ปุ่น จึงคิดว่ามีเพียงที่นี่เท่านั้นนะคะ
ห้องคิตตี้นี้มีเพียง 2 ห้องเท่านั้นคือห้องคิตตี้สีชมพู และสีม่วงอ่อน ป้ายด้านหน้าจะเป็นรูปคิตตี้ รวมถึงโคมไฟด้านหน้าห้องด้วยเช่นกันและเมื่อเข้าสู่บริเวณห้องคิตตี้แล้ว เราจะได้สัมผัสน้องคิตตี้แบบฉบับของญี่ปุ่นจริงๆ อาทิ ประตูบานเลื่อนลายคิตตี้ที่มีทั้งหมด 4 ฤดู โคมไฟลายคิตตี้ คานไม้ลายคิตตี้ เสื่อทาทามิขลิบขอบด้วยลายคิตตี้
โคมไฟลายคิตตี้
คานไม้ลายคิตตี้
เสื่อทาทามิลายคิตตี้
ราคาในการเข้าพักห้องคิตตี้นี้ก็ไม่เบาค่ะ เริ่มต้นที่ 20,000 เยน/คืน/คน ซึ่งประกอบไปด้วย ห้องพัก+อาหารชุดคิตตี้เซตพิเศษเฉพาะผู้เข้าพักห้องคิตตี้ ใครเป็นแฟนคิตตี้ต้องมาลอง!
หลังจากทำกิจกรรมและชมห้องพิเศษในโรงแรมแล้ว แน่นอนว่ายังมีอีกกิจกรรมที่เราจะพลาดไม่ได้เลยสำหรับการมาพักเรียวกัง นั่นก็คือ “การแช่ออนเซ็น” นั่นเอง! ณ โรงแรมแห่งนี้มีบริการทั้งออนเซ็นรวม และออนเซ็นส่วนตัว ซึ่งสามารถจองเป็นห้องพักที่มีออนเซนส่วนตัวได้ค่ะ
สำหรับนักท่องเที่ยวผู้อยากเปิดประสบการณ์ เราก็มีรีวิวให้ดูกันค่า (ปกติแล้วจะไม่สามารถถ่ายรูปในออนเซ็นได้นะคะ ทางโรงแรมให้เราถ่ายได้เนื่องจากเรามาเป็นทริปสำหรับบล็อกเกอร์เพื่อโปรโมทจังหวัดนะคะ)
ออนเซ็นรวมตั้งอยู่ในชั้นใต้ดินของโรงแรมค่ะ ตลอดทางเดินชั้นใต้ดินนั้น ทางโรงแรมได้จำลองบรรยากาศเป็นโซนญี่ปุ่นที่มีความเก่าแก่นิดๆ ทำให้ได้ความรู้สึกของการเหยียบเข้ามาในละแวกหมู่บ้านทั่วไปในสมัยก่อน ทั้งป้ายโฆษณา ม้านั่ง ทุกอย่างจะทำให้เรามองเห็นความเป็นญี่ปุ่นที่ไม่ค่อยได้เห็นกันค่ะ
บรรยากาศร้านอิซากายะหน้าออนเซ็น
เมื่อเข้าไปด้านในออนเซ็นจะมีชั้นวางเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวค่ะ ในส่วนของมีค่านั้นขอให้เก็บในล็อคเกอร์เล็กๆ (แบบไม่เสียเงิน) แล้วเก็บกุญแจโดยการคล้องไว้กับข้อมือตลอดการแช่ออนเซ็นนะคะ หลังจากถอดเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ก็เดินเข้าไปในโซนด้านในเลยค่า สำหรับครีมอาบบน้ำ แชมพูและครีมนวดนั้นทางโรงแรมมีให้ค่ะ แต่จะเตรียมมาเองก็ได้ไม่ว่ากัน ในส่วนของสาวๆ แนะนำให้ล้างเครื่องสำอางตรงบริเวณกระจกในโซนที่เขาให้เก็บเสื้อผ้านะคะ
ก่อนจะลงบ่อออนเซ็นนั้นเราจะต้องชำระร่างกายก่อนลงทุกครั้ง หน้าตาที่อาบน้ำจะเป็นประมาณนี้ค่ะ มีเก้าอี้เตี้ยๆ ให้นั่งหันหน้าเข้าผนัง ก้มหน้าก้มตาสระผมอาบน้ำไปไม่มีใครมองใคร เอาจริงๆ แนะนำให้อาบน้ำอุ่นก่อนเพื่อทำร่างกายให้ชินกับอุณหภูมิในบ่อที่เราจะลงอาบ พออาบน้ำเรียบร้อยแล้วเราก็ลุยลงบ่อไปเลยค่ะ!
บ่อออนเซ็นภายในอาคาร
บ่อกลางแจ้งแบบแช่คนเดียว
บ่อกลางแจ้งแบบจากุชซี่
บ่นออนเซ็นมีหลายแบบ ใครชอบบ่อแบบไหนก็เชิญลงแช่ได้เลยค่ะ บ่อในร่มมีพื้นที่กว้างกว่ากลางแจ้งค่อนข้างมาก หรือชอบแบบจากุซซี่ก็ไม่ว่ากัน ซึ่งแอดมินนั้นก็ลงมันทุกบ่อค่ะ สนุกดี~ ข้อดีของบ่อกลางแจ้งคืออากาศถ่ายเทและหายใจสะดวกกว่าแบบในร่ม ยิ่งคนเมืองร้อนแบบคนไทย การแช่กลางแจ้งจะทำให้เราแช่ได้นานกว่าแช่ด้านในค่ะ
หลังจากแช่ออนเซ็นแล้วก็ถึงเวลานอนกันแล้ว (ดื่มนมหลังแช่ออนเซ็นจะฟินมากเป็นพิเศษนะจะบอกให้) หลังจากกิจกรรมทั้งหมดนี้แล้ว ก็ถึงเวลาเข้านอนกันแล้วค่า เมื่อเราขึ้นไปบนห้อง ก็จะเจอฟุตง (ที่นอน) สีขาวสะอาด และมีผ้าห่มคลุมสีทองสวยงามน่านอนแบบนี้อยู่เลยค่าาา
และนี่คืออาหารมื้อเช้าก่อนที่เราจะเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมค่ะ ทานที่ห้องเดิม แต่ว่าเปลี่ยนอาหารเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและเป็นอาหารเช้าแบบบญี่ปุ่นเซ็ตใหญ่เลยค่าาา หลังจากอิ่มหนำสำราญกันเรียบร้อยแล้วก็ทำการเช็คเอาท์ โดยมีพนักงานตามมาส่งถึงด้านหน้าและโบกมือบ๊ายบายจนรถของเราลับตาไปจากโรงแรมเลย ใครที่มาพักที่นี่จะได้รับการต้องรับอย่างดีในสไตล์ญี่ปุ่นตั้งแต่ก้าวลงจากรถจนกระทั่งออกจากโรงแรมเลยค่ะ
บทส่งท้าย
แน่นอนอยู่แล้วแอดมินต้องชอบความเป็นญี่ปุ่นของที่โรงแรม “Yunogo Bishunkaku” แห่งนี้ แต่มากกว่านั้นก็คือการที่ทำให้เรารู้จักญี่ปุ่นสมัยก่อนมากขึ้น ทั้งการจัดกิจกรรมต่างๆ การตกแต่งโซนพักผ่อน บรรยากาศรอบๆ ออนเซ็น ทำให้เราไม่เบื่อเลยตลอดเวาที่เราได้พัก ณ โรงแรม แห่งนี้
ที่ชอบมากๆ ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ ความประทับใจในความใส่ใจของพนักงานและผู้ดูแลโรงแรม ที่เอาใจใส่การบริการอย่างดีในทุกๆ รายละเอียด ทุกพื้นที่ ทั้งการต้อนรับ การดูแลห้อง การเล่นเกม และการต้อนรับบริเวณหน้าห้องอาหาร รวมถึงการบริการตลอดมื้ออาหาร เรียกได้ว่าทุกที่ที่เราย่างก้าวเข้าไป เราจะรู้สึกมีความสุขและอบอุ่นมากๆ ค่ะ
ใครมีโอกาสมาเที่ยวที่จังหวัดโอคายาม่า ลองหาโอกาศมาพักที่โรงแรม “Yunogo Bishunkaku” ดูนะคะ สำหรับวันนี้ขอลาไปเพียงเท่านี้ สวัสดีค่าาา
เทียบราคาโรงแรมที่พักในโอคายาม่า
รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com