สวัสดีค่าาา ในที่สุดเราก็มาถึงเมืองจิจิบุ (Chichibu) กันแล้วนะคะ จากบทความก่อนเราลงที่สถานี Yokoze ซึ่งแน่นอนว่าหลายๆ คนต้องสงสัยว่าทำไมไม่ลงสถานี Seibu-chichibu ก็เพราะเราจะมาแวะสวนสตรอเบอร์รี่ Yagihara Farm ที่ให้เราเด็ดกินไม่อั้นกันก่อนค่ะ อิ อิ
หลังจากลงรถไฟแล้วเราจะเจอสถานีเล็กๆ แบบว่าเล็กมากกก อยู่ทางด้านขวามือ เมื่อมองจากชานชาลาค่ะ ซึ่งก็มองเห็นป้ายโปสเตอร์สีชมพูของดอกชิบะซากุระอร่ามตามากๆ เมื่อเข้าไปที่สถานีแล้ว ในการตอกตั๋วออก สำหรับคนที่ถือ SEIBU 1 Day Pass เพียงแค่โชว์ตั๋วต่อเจ้าหน้าที่ก็เดินออกได้เลยค่ะ (ไม่มีเครื่องตอกตั๋ว) แต่คนที่ถือ Suica หรือ IC Card จะมีเครื่องหักเงินค่ะ
ด้านในอีกฝั่งของสถานีค่ะ มีสายรถไฟแบบทั้งธรรมดาและแบบด่วน สถานี Yokoze นั้นมีรถด่วน Chichibu จอดด้วยนะคะ สำหรับคนที่ขี้เกียจนั่งรถนานๆ ก็นั่งรถด่วนมาลงสถานีนี้ได้เหมือนกันค่ะ
ด้านหน้าของสถานีมองตรงออกไปจะเป็น Information Station ชั่วคราวค่ะ เปิดตั้งแต่ 9:00 น. ถึง 15:00 น. มีทั้งแผนที่สำหรับคนที่อยากเดินด้วยนะคะ ถ้าเดินไปสวนชิบะซากุระก็ใช้เวลาประมาณ 20 นาที พนักงานจะแนะนำเส้นทางการเดินด้วยค่ะ ว่าควรเดินไปตามถนนเส้นไหน
ขวามือของสถานีจะมีรถมินิบัสรับ-ส่งไปยังสวน แต่ไม่แน่ใจว่ากี่นาทีถึงออกนะคะ เพราะเราเลือกเดินเลย ไม่ได้ถามเขาค่ะ
หลังจากที่เรางมหาในแผนที่อยู่นานว่าควรเดินไปทางไหนถึงจะเจอสวนสตรอเบอร์รี่เป้าหมาย ก็เจอป้ายนี้อยู่ตรงฝั่งตรงข้ามของถนนที่อยู่หลัง Information Station นั่นเองค่ะ Yaghara Farm (八木原農園) ซึ่งเป็นสวนเป้าหมายเราอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมจ้าา (ไม่มีภาษาอังกฤษ)
การกินสตรอเบอร์รี่บุฟเฟต์นี้เป็นความฝันเล็กๆ ที่ไม่ได้ทำเสียที และที่เมืองจิจิบุนี้ก็เป็นเมืองหนึ่งที่มีสวนสตรอเบอร์รี่เยอะมากกก เลยได้โอกาสมาตามฝันด้วยเลยค่ะ
แนะนำว่าก่อนที่เพื่อนๆ จะเข้ามาที่สวนสตรอเบอร์รี่ในเมืองจิจิบุ ให้มาดูเว็บไซต์นี้ก่อนค่ะ www.cknk.jp (ภาษาอังกฤษ) เว็บนี้จะบอกสถานการณ์ของสวนสตรอเบอร์รี่แต่ละสวนค่ะว่าสวนไหนเก็บทานได้บ้าง และสวนไหนยังไม่พร้อมให้เก็บทาน นอกจากสตรอเบอร์รี่แล้วก็มีผลไม้ชนิดอื่นอีกด้วยนะคะ อาทิ องุ่น แอปเปิ้ล พลัม เห็ด ทุกอย่างที่กล่าวมาคือเราเข้าไปเก็บที่สวนได้เองเลยนะคะ น่าสนใจจนอยากจะไปทุกฤดูเลยล่ะค่ะ
เมื่อเราดูสวนที่เก็บสตรอเบอร์รี่ได้แล้ว ก็ตั้งพิกัดค่ะว่าจะไปสวนไหน ซึ่งสวน Yagihara Farm (八木原農園) ก็เป็นสวนสตรอเบอร์รี่หนึ่งที่ใกล้กับสวน Hitsujiyama Park (羊山公園) ซึ่งเป็นสวนชิบะซากุระ อีกเป้าหมายที่เราจะไปแวะเที่ยวในทริปนี้ จึงคิดว่าไปสวน Yagihara Farm นี้จะง่ายที่สุดค่ะ เราสามารถเดินเท้าจากสถานี Yokoze ไปสวนนี้ด้วยเวลาประมาณ 10 นาทีเท่านั้นค่ะ (ดูแผนที่ Google Map)
บ้านหลังนี้เราเจอระหว่างทางค่ะ ตอนแรกนึกว่าเป็นพิพิธภัณฑ์อะไรสักอย่าง แต่ดูเหมือนจะเป็นบ้านคนมากกว่าค่ะ คือดูรวยมาก พื้นที่สวนด้านหน้า ความเก่าของบ้านนี่แบบ อื้อหือออ ถ้าเป็นสมัยก่อนนี่ต้องบอกว่าเศรษฐี (รึเปล่า)
หลังจากตะลึงกับความอลังการของบ้านเก่าเมื่อสักครู่แล้ว ก็เดินๆ ต่อจนเจอป้ายแบบนี้ค่ะ เป็นป้ายประเภทเดียวที่มีภาษาอังกฤษเท่าที่เห็นตามทางเดินมานะคะ ป้ายในท้องถิ่นทั่วไปมีแต่ภาษาญี่ปุ่นค่ะ
พอถึงทางแยกก็มีป้ายบอกว่าแต่ละทางไปสวนสตรอเบอร์รี่สวนไหนบ้าง เยอะมากจริงๆ มีป้ายเกือบทุกแยกเลย
ระหว่างทางเราก็เจอวัดที่มีธงปลาคราฟโดดเด่นมาก ก็แวะขึ้นไปเสียหน่อยค่ะ ขึ้นไปนั่งพัก หรือเข้าห้องน้ำได้ค่ะ ลมเย็นดี ได้กลิ่นต้นไม้ใบหญ้าด้วยชอบบบ
นั่งพักไปก็คุยกับโดราเอม่อนไปด้วยค่ะ เราเห็นร้านสลักหินสมัยนี้มีโดราเอม่อนวางหน้าร้านเยอะเหมือนกันนะคะ เริ่มงงๆ ว่ามาอยู่ในวัดด้วยมีความหมายอะไรรึเปล่า หรืออยากให้น่ารักเฉยๆ ก็มิอาจทราบได้ หุ หุ
ตัวอาคารหลักของวัดค่ะ ด้านในมีแท่นบูชาแบบวัดญี่ปุ่น แต่ตัวอาคารสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดจะให้ความรู้สึกนุ่มนวลสว่างๆ กว่าวัดเก่าๆ ที่เรามักเห็นกันค่ะ และตรงชานด้านนอกเราค่อนข้างชอบนะคะ เพราะในหน้าร้อนจะเป็นจุดที่ออกมานั่งกินลมชมวิวได้ฟินมากๆ แบบบ้านญี่ปุ่นสมัยก่อน
ตรงชานอาคารสามารถชมดอกไม้ผลิกับต้นบอนไซ ก็เป็นบรรยากาศแบบญี่ปุ่นอีกแบบค่ะ เราชอบต้นนี้มากสวยยย
Yagihara Farm (八木原農園)
หลังจากเดินเถลไถลไปพักใหญ่ก็มาถึงสวนสตรอเบอร์รี่เสียทีค่ะ เป็นสวนในพื้นที่โล่งๆ แบบนี้เลยค่ะ สวนจะอยู่ด้านซ้ายมือของถนนจากฝั่งที่เราเดินมาจากสถานีนะคะ ก่อนที่จะถึงสวน จะเจอบ้านของเจ้าของสวนด้วย จะมีป้ายที่คล้ายๆ กับป้ายเข้าสวน ขอแนะนำให้เพื่อนๆ ดูตัวหนังสือให้ดีนะคะ ว่าเหมือนกันทุกตัวอักษรหรือไม่ (แนะนำให้พกชื่อสวนเป็นภาษาญี่ปุ่นมาค่ะ เนื่องจากไม่มีป้ายภาษาอังกฤษ)
พอเดินเข้าไปใกล้ๆ เราจะเจอป้ายหน้าสวนค่ะ จะบอกว่าสามารถทานสตรอเบอร์รี่แบบบุฟเฟ่ต์ได้ภายใน 30 นาที และให้บริการตั้งแต่ช่วงไหนของปีบ้าง
และเช่นเคย ไม่มีภาษาอังกฤษจ้าาา เราขอแปลคร่าวๆ ดังนี้
ทานได้ไม่อั้นใน 30 นาที
ระหว่างวันที่ 11 เมษายน- กลางเดือนพฤษภาคม
ผู้ใหญ่ (นักเรียนประถมขึ้นไป) 1,200 เยน
เด็ก (2 ขวบขึ้นไป) 600 เยน
เวลาทำการ 10:00 น.
*สามารถดูข้อมูลสวน วันและเวลาทำการได้จากเว็บไซต์
www.cknk.jp.e.qg.hp.transer.com/farm/八木原農園/ (ภาษาอังกฤษ)
ป้ายนี้เป็นราคาของค่าเก็บสตอเบอร์รี่ในแต่ละช่วงเวลาค่ะ เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์, มีนาคม – เมษายน (วันที่10) และ เมษายน (วันที่11) – หมดฤดูกาล ราคาแบ่งเป็นผู้ใหญ่และเด็กค่ะ
ดูราคาแล้วก็จ่ายเงินก่อนเข้าสวนค่ะ ซึ่งคุณป้าเขาจะให้ใบแบบนี้มา เป็นใบเวลาว่าสามารถทานได้ถึงกี่โมง เราจะได้ถ้วยมาหนึ่งใบ เอาไว้ใส่ขยะหรือจะเก็บผลเอาไว้ก็ได้ไม่ว่ากัน สัมภาระมีที่ฝากก่อนเข้าสวนค่ะ พกของมีค่าติดตัวไปก็พอค่ะ เพื่อความฟินในการทาน และอากาศด้านในโรงเรือนค่อนข้างอบอ้าวพกพัดไปด้วยก็ดีนะคะ
เป็นถ้วยเล็กๆ ประมาณนี้ค่ะ กฎการเก็บคือทานเท่าไหร่ก็ได้ภายในสวนนี้เท่านั้น ทานให้หมดนะคะ เวลาเก็บเขาก็มีป้ายแนะนำการเก็บให้ค่ะ คุณป้าแอบบอกวิธีดูว่าสตรอเบอร์รีพร้อมทานได้รึยัง ให้ดูตรงใบเลี้ยงที่ขั้วผล ถ้าใบเลี้ยงเปิดออกแบบงอนๆหน่อย ก็ใช้ได้ค่ะ
วิธีการเก็บเขาก็มีแนะนำให้ค่ะ มีรูปให้ดู แค่ถือผลแล้วก็เด็ดเบาๆ ก้านจะหลุดออก ใบเลี้ยงติดผลออกมาเลย ง่ายมากๆ และเราก็ทานได้ทั้งผลตรงนั้นเลยไม่ต้องล้างค่ะ เวลาเรามองยาวๆ ไปทั้งสวนก็มีแต่ลูกน่าทานทั้งนั้นเลยยย
ดูด้านนอกเหมือนไม่กว้างนะคะ แต่ว่าข้างในก็กว้างพอควรเลยค่ะ เดินกินแทบไม่หมด ที่เห็นอยู่นี้จะมีหลากหลายสายพันธุ์ค่ะ ขนาด รสชาติ ช่วงเวลาเก็บเกี่ยวก็แตกต่างกันไป รสชาติแล้วแต่คนชอบค่ะ
ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกว่าพันธุ์ไหนอร่อยกว่ากัน คงอารมณ์ประมาณ ทุเรียนบ้านเราต้องก้านยาว หมอนทองอะไรแบบนี้ แต่ถ้าให้ต่างชาติมาดู ถึงอ่านออกก็เข้าใจยากค่ะ เราเลยลองกินมันทุกแปลงเล้ย!
แบบใกล้ๆ เห็นได้ชัดว่าใบเลี้ยงงอนแล้ว เก็บทานได้เบยยย ลูกข้างหน้านั้นไม่แน่ใจว่าโดนเด็ดไปนานรึยัง อิ อิ
อิ่มหนำสำราญกันไปแล้ว 30 นาทีผ่านไปไวเหมือนโกหก ทานเสร็จแล้วก็เอาถ้วยมาคืน ถ้ามีขยะก็ทิ้งในที่ที่เขาจัดเอาไว้ให้ค่ะ คุณป้าจะเชิญให้นั่งตรงนี้ ดื่มน้ำชา กับแกล้ม (แก้เลี่ยน) ตรงมุมมีชาร้อน ชาเย็น มิโสะ อะไรต่อมิอะไรที่คนญี่ปุ่นชอบทานกันค่ะ
น้ำชารินเองเหมือนน้ำดื่มบริการตัวเองร้านหมี่เกี๊ยว ส่วนกับแกล้มของแต่ละวัน ก็แล้วแต่ว่าคุณป้าเขาทำอะไรมาให้ทานค่ะ เขาจะทำมาจากบ้าน แล้วหยิบมาเสิร์ฟให้เรา (ในรูปเป็นมันฝรั่งดอง) รสชาติก็ของดอง เราทานได้บ้างแต่ได้ไม่มากค่ะ มีใบให้คอมเมนท์ด้วย เขียนอะไรก็ได้ บรรยากาศแบบชนบทนิดๆ ค่ะ
จากนั้นเราก็ล้างมืออะไรให้เรียบร้อย ก็มีการพูดคุยกับคุณป้า แกถามว่า เราจะไปดู “ชิบะซากุ” ต่อเหรอ (ย่อมากจากชิบะซากุระ) เราก็บอกใช่ค่ะ ป้าแกก็ยิ้มให้แล้วบอกขอให้สนุกนะ น่ารักดีค่ะ ได้รู้อีกหนึ่งอย่างว่าเขาเรียกย่อๆ ว่า “ชิบะซากุ” เวลาเอาไปใช้ก็ไม่ต้องเรียกเต็มก็ได้เนอะ อิ อิ
แม้อากาศจะร้อนไปสักหน่อยในวันที่ไป แต่ว่าความสนุกในสวนก็ทำให้ลืมอากาศไปได้มากทีเดียว และความฝันเล็กๆ ของเราในการทานสตรอเบอร์รี่ถึงสวนก็เป็นจริงเสียที มีโอกาสต้องกลับไปทานอีกแน่ๆ ค่ะ สำหรับวันนี้สวัสดีค่าา
อ่านตอนจบ > [รีวิว] เที่ยวจิจิบุ (Chichibu) #3 : ชมชิบะซากุระ (Shibazakura) ณ สวน Hitsujiyama Park
บทความเที่ยวเมืองจิจิบุ (Chichibu)
・ [รีวิว] 1 : ออกเดินทางสู่เมืองจิจิบุ ในจ.ไซตามะด้วย SEIBU 1 Day Pass
・ [รีวิว] 2 : บุกสวนสตรอเบอร์รี่ กินไม่อั้น Yagihara Farm
・ [รีวิว] 3 : ชมชิบะซากุระ (Shibazakura) ณ สวน Hitsujiyama Park
บทความเที่ยวจังหวัดไซตามะ (Saitama)
・ [รีวิว] ทริปชมซากุระและพักโรงแรมในไซตามะ (Saitama) เมืองน่าอยู่ใกล้โตเกียว
・ [รีวิว] เที่ยวคาวาโกเอะ (Kawagoe) : การเดินทางย้อนอดีตสู่เมืองเอโดะน้อย
ค้นหาโรงแรมที่พักในญี่ปุ่น
รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com