สวัสดีค่า กลับมาอีกครั้งกับการรีวิวสายการบินไปญี่ปุ่น คราวนี้ก็เป็นคิวของสายการบินไทย (Thai Airways) ในเส้นทางจากกรุงเทพ : สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) ↔ โตเกียว : สนามบินนาริตะ (NRT) นะคะ
สายการบินนี้เค้าชอบออกโปรบินคู่ 2 คน จะได้ราคาพิเศษ คราวก่อนที่เราเคยใช้ไปเมืองนาโกย่าก็ตกคนละ 15,000 บาทนิดๆ เที่ยวนี้ก็เป็นโปรบินคู่เหมือนกันค่ะ แต่ว่าได้ที่ 16,260 บาทต่อคน ซึ่งก็ยังถือว่าถูกอยู่สำหรับการนั่งสายการบินแบบ Full Service ที่บินตรงค่ะ
สำหรับตั๋วแบบ Economy สามารถโหลดกระเป๋าได้ 30 กิโลกรัม (ถ้ารหัสสำรองที่นั่ง L จะโหลดได้แค่ 20 กิโลกรัม) ตอนที่จองตั๋ว เราสามารถเลือกที่นั่งได้เลยค่ะ หลังจากจองไปแล้วก็สามารถใช้รหัสการจองเข้ามาเปลี่ยนที่นั่งผ่านเว็บไซต์ได้
ตั๋วเราแค่ Economy ไม่ต้องซูมคลาสให้เห็นหรอกเนอะ หุหุ
รีวิวสายการบินไทยไปโตเกียว
ข้อมูลเที่ยวบินขาไป
- เที่ยวบิน TG676
- ชั้น Economy
- ออกเดินทางจากกรุงเทพ (สนามบินสุวรรณภูมิ) 07:35 น. (เวลาไทย)
- ถึงปลายทางโตเกียว (สนาบินนาริตะ) 15:45 น. (เวลาญี่ปุ่น)
แถวเช็คอินที่สุวรรณภูมิของการบินไทยมีหลายแถวค่ะ ซึ่งเที่ยวที่จะไปโตเกียวนี้เป็นแถว H/J (สามารถดูแถวเช็คอินได้จากหน้าจอที่สนามบิน) เราเช็คอินล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซต์มาเรียบร้อยแล้ว (สามารถเช็คอินทางอินเตอร์เน็ตได้ตั้งแต่ 24-1 ชั่วโมงก่อนเวลาออกเดินทาง) มาถึงก็ไปต่อแถวช่องโหลดกระเป๋าได้เลย
เครื่องบินของเที่ยวนี้เป็นเครื่องลำใหญ่มาก มีที่นั่งเกือบ 500 ที่ได้ค่ะ คนก็มารอคิวเช็คอินกันยาวเลยค่ะ แนะนำว่าควรเช็คอินล่วงหน้ามาก่อน ก็จะสะดวกมาก แถวรอโหลดกระเป๋าก็สั้นกว่าเยอะด้วยค่ะ
เครื่องบินของเที่ยวนี้เป็น Airbus A380-800 มี 2 ชั้น ด้านบนก็เป็นของ First Class และ Business Class ส่วน Economy อย่างเราก็นั่งชั้นปกติจ้า
เครื่องค่อนข้างใหม่เลยค่ะ ตรงที่นั่งก็มีที่เสียบ USB จอตรงเบาะค่อนข้างใหญ่ มีทั้งหนังใหม่และหนังเก่าให้รับชม แต่ว่าเท่าที่ลองจิ้มดู หนังฝรั่งจะมีแต่พากษ์ไทย ไม่เจอซับไทยเลยค่ะ และบางเรื่องก็ไม่มีทั้งพากษ์ไทยและซับไทยเลยด้วย – -“
หลังจากเครื่องออกประมาณ 1 ชั่วโมง ก็เสิร์ฟอาหารเช้าค่ะ มีให้เลือก 2 แบบ อันนี้เป็นออมเล็ตกับไส้กรอก อร่อยค่ะ ติดใจจากที่เคยทานตอนใช้บริการรอบที่แล้วตอนไปนาโกย่า
ส่วนเมนูนี้เป็นข้าวหมูกระเทียม แต่ว่าเหมือนหมูอบมากกว่า เอิ๊ก~
สำหรับขาไปถ้าอยากเห็นภูเขาไฟฟูจิ ต้องนั่งฝั่งซ้าย แต่วันที่ไปนั้นมีฝนตก จึงมีแต่เมฆขาวโพลน มองอะไรไม่เห็นอีกตามเคย (ไปโตเกียวมากี่รอบก็ยังไม่เคยได้เห็นฟูจิจากเครื่องบินเลย ฮือ~)
เราไปถึงสนามบินนาริตะ (Narita International Airport Terminal 1) ตอนประมาณบ่าย 3 โมงนิดๆ ซึ่งถึงก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง (ดีใจ มีเวลาเที่ยวเพิ่ม 555) มาถึงก็รีบตรงดิ่งไปต.ม. เลย คิวค่อนข้างยาว แต่รอไม่นานค่ะ เค้าจัดการเร็วมาก
รอรับกระเป๋า ผ่านศุลกากรออกมาก็ไปซื้อแพ็คเกจตั๋วรถไฟเข้าเมืองแบบ Keisei Skyliner + Tokyo Subway ที่ Skyliner & Keisei Information Center ตรงชั้นล่างของสนามบินที่จะเข้าสถานีรถไฟค่ะ รวมระยะเวลาในช่วงนี้ตั้งแต่ลงเครื่องจนซื้อตั๋วเสร็จก็ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วเราได้ขึ้นรถไฟรอบ 16:18 น. ซึ่งไปถึงสถานี Keisei-Ueno ตอน 17:05 น.
จากนั้นเราก็มาแลกพาสของ JR EAST PASS (Tohoku area) ที่ Travel Service Center ในสถานี JR Ueno ค่ะ ซึ่งไม่ต้องรอคิวนาน มีต่อแค่คนเดียว อิอิ (ใครที่จะใช้พาสของ JR นั่งรถไฟ Narita Express (N’EX) เข้าเมือง ก็แลกที่สนามบินเลยค่ะ แต่ว่าบางทีอาจจะต้องต่อคิวนานเพราะนักท่องเที่ยวเยอะค่ะ)
ข้อมูลเพิ่มเติม :
· สนามบินนาริตะ (Narita Airport) และวิธีการเดินทางเข้าเมืองโตเกียว
· JR EAST PASS (Tohoku area) พาสเที่ยวโตเกียว – โทโฮคุ สุดคุ้มใน 5 วัน
· [รีวิว] การเดินทางจากสนามบินนาริตะเข้าโตเกียวด้วยรถไฟ Keisei Skyliner
รีวิวสายการบินไทยกลับกรุงเทพ
ข้อมูลเที่ยวบินขากลับ
- เที่ยวบิน TG643
- ออกเดินทางจากโตเกียว (สนาบินนาริตะ) 12:00 น. (เวลาญี่ปุ่น)
- ถึงปลายทางกรุงเทพ (สนามบินสุวรรณภูมิ) 16:30 น. (เวลาไทย)
- ชั้น Economy
ขากลับเราก็เช็คอินล่วงหน้าทางเว็บไซต์เช่นเคย (พอการบินไทยทำเว็บใหม่ก็ไม่มีปัญหาการเช็คอินบนเว็บไซต์ผ่านมือถือแล้วค่ะ) แถวเช็คอินที่สนามบินนาริตะนั้นอยู่ชั้น 4F อาคาร Termimal 1 South Wing ค่ะ แถวโล่งเลย ชิลมาก โหลดกระเป๋าเสร็จ ก็ขึ้นไปดูเครื่องบินที่จุดชมวิวตรงชั้น 5F รวมทั้งหาอาหารเช้าทานที่ฟู้ดคอร์ด (อยู่ชั้น 5F เหมือนกัน) แล้วไปหยอดกาชาปองทะลายเหรียญ (อยู่ตรงด้านหน้าฟู้ดคอร์ด) เสร็จแล้วค่อยมาผ่านต.ม. จากนั้นก็ไปช้อปของฝากที่ร้าน Duty Free กันจ้า
เครื่องบินขากลับกรุงเทพนั้นเป็น Airbus A350-900 ลำเล็กกว่าขามา มีที่นั่งประมาณ 300 ที่นิดๆ
ที่นั่งเป็น 3-3-3 เครื่องใหม่มากกก ตรงสัญลักษณ์ที่คาดเข็มขัดด้านบนก็ยังเป็นหน้าจอเลยค่ะ ไม่ได้เป็นแค่ไฟเตือนแบบตอนขามา
หน้าจอตรงที่นั่งก็ใหญ่สะใจเลยค่ะ ส่วนพวกหนังต่างๆ ก็เหมือนกับตอนขามาค่ะ ที่เสียบหูฟังกับที่เสียบ USB ของรุ่นนี้ก็จะอยู่ตรงใต้จอเลย
ขากลับถ้าอยากเห็นฟูจิต้องนั่งทางขวา แต่ว่าเราก็อดเห็นอีกแล้ว ฟ้ามัวมากเลย ฮือ~ (ก่อนกลับฝนตกติดกันมา 3 วันเลย)
สำหรับอาหารเที่ยงก็เสิร์ฟหลังเครื่องออกประมาณ 1 ชั่วโมง มื้อนี้เป็นข้าวไก่ทอดคาราอาเกะ (เมนูนี้เฉยๆ อ่ะ) อีกเมนูมีให้เลือกเป็นข้าวพะแนง (แต่ว่าไม่ได้สั่งมา) เครื่องเคียงก็มีโชบะกับสลัด และแยมโรลค่ะ
ตบท้ายด้วยไอศกรีม Glico รอบนี้มีให้เลือก 2 รสเลย คือ วนิลากับชาเขียว ก็สั่งมากันคนละรสค่ะ (รู้สึกว่าวนิลาจะหวานกว่าชาเขียว)
เครื่องบินมาถึงที่สนามบินสุวรรณภูมิตรงตามเวลา แต่ว่าเราต้องเสียเวลารอรถบัสมารับนิดนึงค่ะ เพราะเครื่องไม่ได้จอดตรงอาคารผู้โดยสารค่ะ (แต่ก็สะดวกดีเพราะรถไปส่งตรงประตูใกล้กับต.ม. เลยค่ะ ไม่ต้องออกแรงเดินไกล อิอิ)
ส่วนใครที่อยากดูรีวิวรอบที่เราใช้บริการไปนาโกย่า (เป็นเครื่อง Boeing 777) สามารถดูรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยนะคะ » [รีวิว] ไปญี่ปุ่นกับสายการบินไทย (Thai Airways) กรุงเทพ (BKK) – นาโกย่า (NGO) ในเส้นทางโอซาก้า สามารถดูรีวิวได้ที่นี่ค่ะ » [รีวิว] ไปญี่ปุ่นกับสายการบินไทย (Thai Airways) กรุงเทพ (BKK) – โอซาก้า (KIX)
สำหรับวันนี้ก็ขอลาไปก่อน สวัสดีค่า
ค้นหาและเทียบราคาที่พักในโตเกียว
บทความเที่ยวโตเกียว (Tokyo) ดูทั้งหมด »
· คู่มือเที่ยวโตเกียว แนะนำ 15 สถานที่ท่องเที่ยวโตเกียวสุดฮิต
· คู่มือเที่ยวญี่ปุ่น แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว อากาศและฤดูในญี่ปุ่น
· Japan 101 ติวเข้มก่อนไปญี่ปุ่น! 60 ข้อน่ารู้เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
· ไปญี่ปุ่นซื้ออะไรดี?…20 ไอเดียของฝากน่าซื้อจากญี่ปุ่น ของยอดฮิตที่ห้ามพลาด!
· 20 ร้านสำหรับขาช้อปและร้านขายของฝากที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น
· 18 แบรนด์เครื่องสำอางญี่ปุ่น ที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนญี่ปุ่น!
รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com