จากบทความก่อนหน้านี้เราได้รีวิวการเดินทางจากโตเกียวมายัง Fujiyama Snow Resort Yeti (Snow Town Yeti)และการเช่าอุปกรณ์ในการเล่นสกีไปเรียบร้อยแล้ว และในวันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์การเล่นสกีที่ญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิตกันนะคะ โดยจะขอเริ่มตั้งแต่เข้าลานสกีเลย~

รีวิวเล่นสกีที่ญี่ปุ่นที่ Fujiyama Snow Resort Yeti (Snow Town Yeti)

หลังจากที่เราหอบของพะรุงพะรังกันมาบนลานหิมะที่อยู่ข้างๆ ร้านเช่าอุปกรณ์เรียบร้อยแล้วก็เริ่มใส่เครื่องเล่นสกีกันค่ะ แต่ปัญหามีอยู่ว่าคนที่ไปนี่ก็ไม่เป็นกันสักคน เราก็แอบๆ มองคนข้างๆ บ้าง มองอาจารย์ที่เขากำลังสอนเด็กๆ บ้าง ลักจำมาจนใส่ได้ค่ะ เพียงแค่สอดหัวรองเท้าให้เข้ากับที่ยึดตรงสกี และด้านหลังก็แค่เหยียบลงไป ลงน้ำหนักนิดหนึ่งให้ล็อคด้านหลังมาล็อครองเท้าเราอีกทีค่ะ

จากในรูป สกีด้านที่อยู่ด้านบนคือด้านหน้าค่ะ ด้านล่างจะเป็นข้างหลัง อย่าใส่สลับกันนะคะ อิ อิ ในระหว่างที่ใส่อยู่ก็จับไม้ค้ำไปด้วย เพราะใส่ปุ๊บ เราจะเลื่อนไปข้างหน้าทันทีถ้ามี slope ต้องระวังกันด้วยนะคะ

หลังจากใส่สกีเสร็จแล้วก็มีโอกาสชมทิวทัศน์รอบๆ ด้วย พอหันไปด้านหลังจะเจอภูเขาไฟฟูจิขนาดใหญ่ อีกทั้งวันนี้ฟ้าใสมากๆ จึงเห็นชัดแจ๋วเลย ถือว่าเป็นอะไรที่โชคดีสุดๆ เลยค่ะสำหรับทริปนี้  พอใส่เสร็จแล้วก็จะกลายเป็นเพนกวินโดยปริยาย อิ อิ ใช้ไม้ค้ำไม่กล้าปล่อยเลยค่ะ และจากประสบการณ์การเล่นสกีเป็น 0 เราจึงแอบมองคนที่เขาซ้อมๆ กันแถวนั้นแล้วก็ลองเองเลยค่ะ

ด้านหน้าเราที่คนยืนเยอะๆ คือต้นทาง slope ค่ะ เป็นเนินลงไป แค่เห็นเนินก็ใจตุ๊มๆ ต่อมๆ แล้ว ค่อยๆ กระเถิบๆ ไปใกล้ๆ ทีละนิด ขางี้สั่นผับๆ และเมื่อทำใจได้แล้วก็สไลค์ลงเนินไปเล้ยยย

ผ่านไป 10 เมตรเท่านั้นแหละ ล้มค่ะ ตูดไถถถถ 555 แต่ว่าเรายังคงไหลลงไปตามเนิน เรียกง่ายๆ ว่ากลิ้งลงดอยนั่นแหละ กลิ้งไปจนสุดเนินแรกเลย รูปด้านบนคือหลังจากลุกได้แล้ว กว่าจะลุกได้นี่กลิ้งตัวกลมเลย 555 หิมะไม่เจ็บค่ะ แต่อย่าจับด้วยมือเปล่านะคะ เจ็บเพราะเป็นเกล็ดนำแข็ง จะเห็นว่าเรากลิ้งลงมาไกลมาก 555 เกือบตกลาน

จริงๆ แล้วการไถมันไม่ยากเท่าการเบรกค่ะ และด้วยความที่เราบังคับทิศทางไม่เป็น ถ้าจะชนคนอื่นเราก็ต้องล้มตัวลงเพื่อให้ไม่ชนคนอื่น ลำบากตรงนี้แหละ จะเห็นว่าคนอื่นในลานสกีก็มีล้มๆ กัน ยังไงก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนเนอะ ใครจะมาเล่นต้องระวังตัวเองด้วยนะคะ

ด้านข้างมีกระเช้าอำนวยความสะดวกให้เรากลับขึ้นไปบนเนินได้ค่ะ นั่งไปชมฟูจิไปด้วยมันฟินเจงๆ

มองจากกลางๆ เนินลงไปด้านล่างค่ะ ด้านล่างเองก็มีเนินที่สองต่อยาวลงไปอีก ส่วนตัวเรากลัวตกมากกกกก เลยขอลงเนินอีกด้านหนึ่งที่ชันน้อยกว่าแทน

ภาพนี้อาจจะเห็นไม่ค่อยชัด นั่นเราเองค่ะ ล้มอยู่เลนกลางลานสกีเลย ลุกไม่ขึ้นด้วย หมดแรง ==” นี่คือไม่มีแรงจะถอดสกีออกจากเท้า เลยต้องถอดออกทั้งรองเท้าและสกี ลุกได้แล้วค่อยใส่ใหม่ การลุกขึ้นโดยไม่ไหลไปด้วยเป็นเรื่องยากมากๆ แต่ก็พยายามค่ะ! กว่าจะลงไปถึงด้านล่างที่มีที่ขึ้นกระเช้าก็ล้มไป 4 รอบได้ สนุกสนานฝุดๆ

หลังจากลงไปด้านล่างแล้วขึ้นกระเช้ากลับขึ้นมา ก็หมดแรงข้าวต้มกันเป็นแถว จึงขอพักก่อนแล้วไปเติมพลังกันก่อนน

อาคารกระจกหลังใหญ่นั่นก็คือ Yeti Kitchen ค่า โดยจะมีอาหารให้บริการอยู่ ศูนย์อาหารแบบนี้จะมีอยู่ 2 หลังค่ะ แยกเป็นอาหารญี่ปุ่นและอาหารตะวันตก เราเลือกทานอาหารญี่ปุ่นเพราะว่ามีข้าวอิ่มท้องกว่า อิ อิ

ด้านในของศูนยอาหารมีที่นั่งมากมายให้เลือก อีกทั้งที่นั่งติดกระจกจะสามารถชมวิวด้านนอกได้อีกด้วยนะคะ แต่ก่อนอื่นเราต้องต่อแถวซื้อข้าวก่อนค่ะ โดยต้องซื้อบัตรอาหารก่อนจากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ

ตู้นี้มีทุกอย่างที่เราอยากกินเลย อิ อิ เมนูประจำเดือนกุมภาพันธ์นี้คือ “ราเมนต้มยำกุ้ง” ด้วยนะคะ แต่แพงไปหน่อยเราจึงของผ่านและเลือกเมนูข้าวแทน

เมนูสึคุเนะด้ง (ข้าวหน้าหมูบดก้อนทอดราดด้วยมายองเนส)

ด้านหน้าของศูนย์อาหารค่ะ ใครไม่อยากอยู่ด้านในให้อึดอัดก็นั่งทานเล่นชมวิวด้านนอกได้ด้วยนะคะ นั่งพักดื่มกาแฟรับอากาศหนาวก็สบายดี

หลังจากที่เราเติมพลังเรียบร้อยแล้วก็หนีมาเล่นในโซนของครอบครัวแทนค่ะ เนื่องจากน้องๆ ในกรุ๊ปนั้นโดนสกีทำร้ายร่างกายไปไม่น้อยปวดไปหมด จึงมาปั้นหิมะเล่นกันแทน อิ อิ

โซนนี้เราสามารถวิ่งเล่นได้ พาเด็กๆ มาเดินเล่นได้และปาหิมะเล่นกันได้อย่างอิสระ เพื่อนๆ คนไหนที่มีความฝันอยากเล่นตุ๊กตาหิมะ หรือว่าอยากเล่นปาหิมะก็ต้องโซนนี้เลยค่ะ เรานี่ทั้งปั้นหิมะ ทั้งปาหิมะ เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

ข้างๆ กันไม่ใกล้ไม่ไกลก็มีลานสไลด์ที่ทางลานสกีเขากำลังทำใหม่ค่ะ คือจะคล้ายๆ กับสไลด์เดอร์น้ำในสวนสนุกเพียงแต่เราสไลด์กันบนหิมะ ลงเขาไปเล้ยยย

ปั้นค่ะปั้น มีแขนด้วยนะ หุ หุ แต่แป๊บเดียวก็โดนเด็กแถวนั้นก็ทำซะเละเลย แต่ว่าก็สนุกดี อิ อิ เราเล่นในโซนนี้กันพักใหญ่ทั้งนอนเล่นกลิ้ง ฝังตัวเอง โน่นนี่นั่น แป๊บๆ ก็ใกล้เวลากลับแล้ว

ก่อนกลับเราก็มาชักภาพเจ้าฟูจิใหญ่ยักษ์เสียหน่อย สวยไม่สร่างจริงๆ เรียบร้อยแล้วก็นำอุปกรณ์ไปคืนค่ะ เวลาคืนให้ยื่นบัตรที่เข้าลานสกีให้เขาด้วยนะคะ (ยื่นที่เค้าเตอร์ยืมสกีหรือสโนบอร์ด) เพราะเขาจะปั้มตราวว่าคืนของแล้วให้ด้วยค่ะ ไม่งั้นไม่รู้ว่าจะออกจากลานสกีได้หรือไม่

หลังจากออกมาจากลานสกีแล้วเราก็รอรถค่ะ รถจะมีเที่ยวเดียวคือเวลา 16:33 PM ดังนั้นอย่าพลาดนะคะ อย่างน้อยให้มาเข้าแถวรอก่อนประมาณ 15 นาทีเพราะว่าคนจะออกมารอเยอะเหมือนกันออกมาช้าต้องต่อแถวยาวมากขึ้นไปอีก

และเมื่อขึ้นรถแล้วก็หลับๆๆๆ อย่างเดียวเลยค่ะ จนกว่าจะถึงสถานี Mishima แล้วค่อยต่อชินคังเซนกลับโตเกียวกันค่ะ

วันนี้ไม่ค่อยมีคนเลยนั่งสบายมากนั่งเพียงแค่ 51 นาทีก็ถึงสถานีโตเกียวแล้วค่า หลับอีกงีบหนึ่งเท่านั้น ถือว่าเป็นการพักผ่อนที่ดีหลังจากที่เหน็ดหนื่อยมาทั้งวัน

และขอลากันไปด้วยโคล่าชาเขียว กับน้ำฟูจิซังไซเดอร์ค่าาา รสชาติแปลกๆ ดีค่ะ แต่อร่อยดี เหมือนน้ำอัดลมแต่ว่าก็มีกลิ่นหอมของชาเขียวด้วย และโซดาซ่ามากๆ เลย เห็นว่าเป็นของดังจังหวัดเขาเลย

สรุปค่าใช้จ่ายของทริปนี้

  • ค่ารถไฟชินคังเซ็นไป-กลับโตเกียว 8,000 เยน
    (*หากมี JR PASS สามารถขึ้นได้ฟรี)
  • ตั๋วเหมา รถบัสไป-กลับรีสอร์ท, ค่าเข้าใช้ลานสกี, ค่าเช่าเซ็ตสกี) 6,600 เยน
  • ค่าเช่าชุดเล่นสกี 3,000 เยน
  • ค่าอาหารระหว่างวัน ประมาณ 2,400 เยน
  • รวมทั้งสิ้นประมาณ 20,000 เยน

ข้อมูลเพิ่มเติม:
ตอนนี้มีแพ็คเกจทัวร์เล่นสกีที่ Fujiyama Snow Resort Yeti แบบเต็มวัน ซึ่งรวมค่าบัสจากโตเกียว ค่าเข้าและค่าอุปกรณ์ เริ่มต้นที่ 9,000 เยน สามารถตรวจสอบเงื่อนไขต่างๆ และจองแพ็คเกจออนไลน์ได้ » ที่นี่

ค้นหาโรงแรมที่พักในญี่ปุ่น


รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com