[รีวิว] เที่ยวหมู่บ้านโอชิโนะฮักไก (Oshino Hakkai) หมู่บ้านน้ำใสแห่งภูเขาไฟฟูจิ

วันนี้เราขอแนะนำที่เที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิสวยๆ ณ หมู่บ้านน้ำใส โอชิโนะฮักไก (Oshino Hakkai) ในจังหวัดยามานาชิ (Yamanashi) โดยอยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko) ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของเหล่าแอดมินของเรานี่เอง (ไปกันมาไม่รู้กี่รอบละ 555) แต่ขอบอกก่อนว่าต้องฟ้าใส ถึงจะได้เห็นฟูจิแจ่มๆ นะคะ

เกี่ยวกับหมู่บ้านโอชิโนะฮักไก (Oshino Hakkai)

สาระและเกร็ดน่ารู้

หมู่บ้านโอชิโนะฮักไก (Oshino Hakkai / 忍野八海) ตั้งอยู่บริเวณโซนทะเลสาบฟูจิทั้งห้า (Fuji Five Lakes) ภายในจังหวัดยามานาชิ (Yamanashi) ชื่อของหมู่บ้าน ‘Hakkai (八海)’ นั้นแปลตามตัวได้ว่า ‘ทะเลทั้งแปด’ โดยมีที่มาจากบ่อน้ำใส 8 บ่อภายในหมู่บ้านซึ่งเกิดจากหิมะบนภูเขาไฟฟูจิที่ละลายในช่วงหน้าร้อน คนไทยหลายคนจึงเรียกกันว่า “หมู่บ้านน้ำใส” นั่นเอง

หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับเลือกให้เป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติแห่งชาติเมื่อปี ค.ศ. 1934 และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมร่วมกับบริเวณรอบภูเขาไฟฟูจิเมื่อปี ค.ศ. 2013 ภายใต้ชื่อ “ฟูจิซัง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจทางศิลปะ (Fujisan, Sacred Place and Source of Artistic Inspiration)” อีกด้วย

นอกจากน้ำที่ใสสะอาดจนสามารถดื่มได้แล้ว หมู่บ้านโอชิโนะฮักไกก็ยังเป็นจุดชมภูเขาไฟฟูจิที่ได้รับความนิยม ด้วยวิวอันงดงามของหมู่บ้านโบราณ บ่อน้ำใสจนเห็นปลาแหวกว่าย และมีภูเขาไฟตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตอย่างทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko) จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีผู้มาเยือนเป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี

ข้อมูลการเยี่ยมชม

เวลาทำการ:	ร้านค้าเปิดประมาณ 9:00 – 17:00 น.
วันหยุด:	ไม่มีวันหยุด
ค่าเข้าชม:	ไม่มีค่าเข้าชมหมู่บ้าน

วิธีการเดินทาง

จากคาวากุจิโกะ

• จากสถานี Kawaguchiko ให้นั่งรถบัส Fujiyoshida/ Oshino/Yamanakako Sightseeing Bus (F-Line) มาลงที่ป้าย Oshino Hakkai ใช้เวลาประมาณ 29 นาที [ดูตารางเวลา]
• จากสถานี Kawaguchiko ให้นั่งรถบัส Fujikyuko Bus (ที่มุ่งหน้าไปทางสถานี Gotemba) มาลงที่ป้าย Oshino Hakkai ใช้เวลาประมาณ 23 นาที [ดูตารางเวลา]

จากโตเกียว

• จากท่ารถ Shinjuku Expressway Bus Terminal ให้นั่งรถบัส Highway Bus มาลงที่ป้าย Oshino Hakkai ใช้เวลาประมาณ 127 นาที [ดูตารางเวลา]

รีวิวเที่ยวหมู่บ้านน้ำใส โอชิโนะฮักไก (Oshino Hakkai)

ในทริปนี้เป็นตอนช่วงก่อนโควิด-19 จะระบาด เราเดินทางมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ซึ่งเป็นทริปท่องเที่ยวประจำปีของบริษัทที่แอดมินทำงานนะคะ เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ได้มาเที่ยวกับทัวร์ เรียกได้ว่าเขาพาไปไหน ก็ไปค่ะ ไม่ได้หาข้อมูลอะไรไปเลย หุหุ โดยช่วงที่มาเที่ยวนั้นเป็นตอนกลางเดือนพฤศจิกายนซึ่งตรงกับช่วงใบไม้เปลี่ยนสีพอดี ระหว่างทางก็นั่งชมวิวใบไม้ต้นไม้แดงๆ ไปเพลินๆ

รถบัสของทัวร์จะเข้าไปจอดตรงที่จอดรถในหมู่บ้าน หลังจากนั้นก็เดินเท้ากันซักเล็กน้อยเพื่อมายังโซนใจกลางหมู่บ้าน ระหว่างทางก็จะมีพวกสินค้าท้องถิ่นให้เลือกซื้อด้วยนะคะ

Waku-ike Pond (湧池)

บ่อน้ำแรกที่เราเดินมาเจอนี้มีชื่อว่า Waku-ike Pond เป็นบ่อที่มีน้ำมากที่สุดและใสที่สุดจากทั้ง 8 บ่อในหมู่บ้านโอชิโนะฮักไกเลยนะคะ นอกจากบ่อนี้แล้วก็ยังมีอีก 7 บ่อกระจายอยู่ตามพื้นที่ในหมู่บ้าน ได้แก่ Deguchi-ike Pond, Okama-ike Pond, Sokonashi-ike Pond, Choshi-ike Pond, Waku-ike Pond, Nigori-ike Pond, Kagami-ike Pond และ Shobu-ike Pond

ข้างๆ กันก็มีภูเขาไฟฟูจิน้อยๆ ตรงด้านบนนั้นเป็นจุดที่สามารถเอามือจุ่มลองสัมผัสน้ำเย็นๆ ที่ละลายมาจากหิมะบนภูเขาไฟฟูจิได้ค่ะ (ระวังตกลงไปในบ่อด้านล่างนะคะ)

Naka-ike Pond (中池)

ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือบ่อน้ำขนาดใหญ่ซึ่งมีชื่อว่า Naka-ike Pond แต่ว่าบ่อน้ำนี้เป็นบ่อที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ จึงไม่ได้นับรวมอยู่ใน 8 บ่อดังที่กล่าวไปข้างต้นค่ะ

Oshino Hakkai Main Souvenir Store
(忍野八海池本売店)

ในส่วนของอาคารด้านหลังบ่อน้ำนั้นก็คือร้านขายของฝากหลักของหมู่บ้านโอชิโนะฮักไก มีสินค้าให้เลือกช้อปกันจนเพลินเลยค่ะ

จริงๆ แล้วตรงมุมนี้ ถ้าวันที่ท้องฟ้าโปร่ง ก็จะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้สวยๆ เลยค่ะ แต่วันที่มาโดนเมฆบังมิด (เรื่องมันเศร้า T^T) ใครจะมาเที่ยว ก็ต้องพกดวงกันหน่อยนะคะ ขนาดมาวันที่อากาศดี ฝนไม่ตก ยังมองไม่เห็นฟูจิเลย –“

ตรงหัวมังกรนี้มีกระบวยให้นักท่องเที่ยวตักน้ำได้ ว่ากันว่าน้ำที่ไหลออกมานี้มีความศักดิ์สิทธิ์ด้วยนะคะ

น้ำใสแจ๋วจนเห็นตัวปลาสมกับชื่อของหมู่บ้านเลย

เมฆบังฟูจิจนมิดเลย ก็ได้เก็บภาพแค่วิวของหมู่บ้านกับใบไม้แดงๆ เท่านั้น

ส่งท้าย

หมู่บ้านน้ำใส โอชิโนะฮักไก (Oshino Hakkai) นี้แม้จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวมาเยือนเพียบ ถ้าใครมาตอนที่ฟ้าใส ได้เห็นวิวฟูจิ ก็คงจะยิ่งฟิน จริงๆ แล้วที่นี่ก็ยังมียังมีพิพิธภัณฑ์ Hannoki Bayashi Shiryokan ที่สามารถเข้าไปถ่ายรูปฟูจิสวยๆ ได้อีกนะคะ (มีค่าเข้า 300 เยน) แต่เราไม่ได้เข้าไป เพราะฟ้าไม่เปิด ก็เลยเข้าร้านขายของฝากแก้เครียดที่ไม่เห็นฟูจิแทน

วันนี้ก็ขอจบรีวิวไว้เพียงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้านะคะ เราจะพาขึ้นไปบนฟูจิ ณ แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของชาวคณะทัวร์ อิอิ

อ่านตอนต่อไป » [รีวิว] เที่ยวภูเขาไฟฟูจิชั้น 5 บนเส้นทางสายฟูจิสุบารุ (Fuji Subaru Line 5th Station)