สวัสดีค่าเพื่อนๆ ครั้งก่อนเราพาไปล่องเรือชมอ่าวโอซาก้ากับเรือ Santa Maria ชมบรรยากาศฟินๆ ช่วงยามเย็นกันพอหอมปากหอมคอแล้ว คราวนี้เราจะพาเพื่อนๆ มาแวะชมสัตว์น้ำน้อยใหญ่ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคังแห่งโอซาก้า (Osaka Aquarium KAIYUKAN) ซึ่งพิพิธภัณฑ์ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่อยู่ตรงท่าเรือ Santa Maria นี่เอง ก่อนจะเข้าไปชมข้างใน เราก็มาทำความรู้จักกับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้กันนะคะ

เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium KAIYUKAN)

แนวคิดของพิพิธภัณฑ์

ธีมหลักของไคยูคังอยู่บนพื้นฐานของ “สมมติฐาน Gaia (Gaia hypothesis)” ที่เสนอโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษนามว่า James Lovelock โดยสมมติฐาน Gaia นี้มีแนวคิดที่ว่า “สิ่งมีชีวิตทั้งหมดมีปฏิสัมพันธ์กับโลกที่มีการระเบิดของภูเขาไฟ และเป็นระบบของสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่ง”

เส้นทางท่องเที่ยว

ตัวอย่างนิทรรศการประจำของทางพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง

  • Aqua Gate (ทางผ่านของปลา): โซนอุโมงค์ตู้ปลาสำหรับชมสัตว์น้ำนานาชนิดที่อาศัยอยู่ในท้องทะเล
  • Japan Forest (ป่าญี่ปุ่น): โซนที่จำลองป่าญี่ปุ่นเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำ
  • Pacific Ocean (มหาสมุทรแปซิฟิก) โซนที่อยู่ของปลาฉลามวาฬซึ่งเป็นปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก

 ขอบคุณข้อมูลจาก: Kaiyukan.com

ข้อมูลการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium KAIYUKAN)

เวลาทำการ

  • ตั้งแต่ 8:00 – 21:00 น.
    ※เวลาเปิด – ปิดแต่งตามไปในแต่ละวัน สามารถตรวจสอบเวลาทำการวันหยุดได้ที่ » Opening Hours

ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์

ประเภทราคาตั๋ว
ผู้ใหญ่ (16 ปีขึ้นไป)2,700 เยน
เด็กโต (อายุ 7-15 ปี)1,400 เยน
เด็กเล็ก (อายุ 3-6 ปี)700 เยน
เด็ก (อายุต่ำกว่า 2 ปี)ฟรี
※อัปเดตล่าสุด Apr 3, 2024

หมายเหตุ:

  • สามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ที่
    • ซื้อที่หน้าพิพิธภัณฑ์ในวันที่เข้าชม
    • ซื้อล่วงหน้าทางออนไลน์กับทางพิพิธภัณฑ์ที่ Webket.jp
    • ซื้อล่วงหน้าทางออนไลน์กับเว็บไซต์เอเจนซี่ เช่น Klook.com
Klook.com

Osaka Kaiyu Ticket

※งดจำหน่ายชั่วคราว เป็นพาสสำหรับเข้าพิพิธภัณฑ์ไคยูคัง และบัตรรถไฟในโอซาก้าแบบเหมาจ่ายไม่จำกัดจำนวนเที่ยว ซึ่งมีให้เลือกหลายแพลนตามการใช้งาน ราคาเริ่มต้นที่ ผู้ใหญ่ 2,800 เยน และ เด็ก 1,400 เยน

ข้อมูลเพิ่มเติม:

วิธีการเดินทาง

รถไฟ

  • Osakako (รถไฟใต้ดินสาย Chuo Line) จากสถานีเดินประมาณ 10 นาที
    • จากสถานี Umeda, Shin-Osaka, Namba ให้นั่งรถไฟใต้ดินสาย Midosuji Line มาลงที่สถานี Hommachi แล้วเปลี่ยนเป็นสาย Chuo Line มาลงที่สถานี Osakako

รีวิวเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium KAIYUKAN)

เอาล่ะค่ะ คราวนี้ก็เริ่มต้นการท่องโลกใต้ทะเลกันเล้ย! ก่อนหน้านี้เราได้ไปล่องเรือ Santa Maria Osaka Bay Cruise ตรงท่าเรือที่อยู่ข้างๆ พิพิธภัณฑ์ไคยูคัง แต่เนื่องจากงานนี้เราได้เที่ยวแบบกระทันหัน เป็นการเที่ยวนอกแพลน (อีกแล้ว) กว่าจะตกลงกันได้ก็ฟ้าเกือบมืดแล้ว ดังนั้นเราจึงมีโอกาสได้ชมการแสดงไฟด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ด้วยเล็กน้อย และไฮไลท์เพนกวินซังเดินแบบให้เราชมกันอีกด้วยค่ะ ไปดูกันดีกว่าเน๊อะ

เพกวินราชา (King Penguin)

เดินแบบกันน่ารักมุ๊งมิ๊ง แบบค่อยๆ เดินกันไปตามรันเวย์ รอบหนึ่ง มีการ์ดเดินตาม น่าร๊ากกกมากเลยค่าา

ด้านหน้าทางเข้ามีลานแสดงไฟคล้ายๆ น้ำทะเลสีฟ้า กับเพนกวินซังผู้น่ารักให้อารมณ์คล้ายกับว่าเราอยู่ขั้วโลกที่มีน้ำแข็งเย็นๆ ยิ่งอากาศเย็นๆ บวกกับลมพัดอย่างแรงแล้วด้วย เรานี่สั่นยันใบหูกันเลยทีเดียว

ฉลามวาฬ

ข้างๆ ลานไฟเพนกวินซังก็มีพี่ยักษ์ฉลามวาฬตัวนี้อยู่ค่ะ แม้ตัวจริงจะให้ความรู้สึกน่าเกรงขามไปบ้างก็ตาม แต่ว่าตัวโมเดลหน้าตาน่ารักมุ๊งมากเป็นอันมาก เราแอบไปส่องปากพี่แกมาด้วยล่ะ อิ อิ

บรรยากาศโดยรวมด้านนอกค่ะ รูปนี้เป็นตอนที่เราพึ่งเดินทางมาถึงด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ ฟ้ายังไม่มืดเลย ดูๆ ไปก็ให้ความรู้สึกของท้องฟ้ากับทะเลอะไรแบบนั้นเหมือนกันนะคะ

เดินโต๋เต๋รอบๆ ได้ซักพัก หลังจากตัดสินใจอย่างกระทันหันว่าจะเข้าไปดูด้านใน เราก็พุ่งไปซื้อตั๋วโดยด่วน หุ หุ ตั๋วสำหรับผู้ใหญ่ราคาปกติอยู่ที่ 2,300 เยน สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีบัตร Osaka Amazing Pass เพียงแค่แสดงตั๋วพร้อมคูปองส่วนลดจะได้ลด 100 เยน/ใบ ดังนั้นเราจึงซื้อตั๋วเข้าชมได้ในราคา 2,200 เยน/ใบจ้า

หมายเหตุ: ปัจจุบันปี 2024 ได้ปรับราคาบัตรเข้าชมเป็น 2,700 เยน และไม่สามารถใช้บัตร Osaka Amazing Pass เป็นส่วนลดได้แล้ว

Klook.com

ได้ตั๋วเข้าชมกันเรียบร้อยแล้วก็เดินมุ่งหน้าสู่โลกใต้ทะเลกันเล้ย! การตอกตั๋วเข้าก็ไม่ยากค่ะ ให้นำ QR Code บนบัตรแตะกับเครื่องแสกน ก็สามารถเดินเข้าได้แบบชิลๆ หากใครไม่คุ้นเคยกับวิธีการก็ไม่ต้องห่วงนะคะ เพราะมีคุณพนักงานคอยช่วยเหลืออยู่ที่ประตูตอกตั๋วเข้าอาคารอยู่ค่ะ ^^

เดินเข้าอาคารมาก็จะเจอกับห้องมืดๆ ด้านข้างจะมองไม่ค่อยเห็นอะไรนอกจากสีน้ำเงิน ฟ้าๆ เข็มๆ มืดๆ แต่บนเพดานนั้นกลับเต็มไปด้วยไฟประดับสีฟ้าครามหลายร้อยดวงแข็งกันส่องสว่าง ราวกับว่าเราอยู่ใต้ท้องทะเลลึกที่มีแสงสว่างจากเหล่าแพลงก์ตอนเปล่งแสงให้เห็นความสวยงามตลอดทาง

แสงสะท้อนจากเพดานทำให้เรามองเห็นทั่วบริเวณเป็นสีน้ำเงินคราม ด้านข้างทางเดินเป็นกระจกสะท้อน ยิ่งทำให้ท้องฟ้าใต้ทะเลลึกดูกว้างขวางอีกเท่าตัว ไม่รู้สึกอึดอัดทั้งที่มีคนมากมาย

ปลากระเบน (Cownose Ray)

พอเข้าโซนชมทะเลก็มีปลายิ้มต้อนรับเลยจ้า น้องกระเบน ยิ้มกว้างๆ ให้ (ได้ข่าวหน้าเขาก็เป็นงั้นอยู่แล้ว ฮา~) โซนแรกเป็นโซนอุโมงค์ลอดใต้น้ำค่ะ จะเป็นสัตว์ทะเลน้อยใหญ่จากก้นทะเล ดังนั้นส่วนใหญ่จะเห็นปลาขนาดใหญ่เป็นหลักค่ะ ไม่ค่อยมีตัวเล็กๆ ส่วนมากจะมีเป็น กระเบน ฉลาม เป็นต้น

เมื่อลอดผ่านอุโมงค์ใต้น้ำเรียบร้อยแล้วเราต้องขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อมุ่งสู่ โซนป่าญี่ปุ่นค่ะ ส่วนใหญ่จะมีสัตว์บก และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำ เป็นต้น ซึ่งสภาพโดยรอบถูกสร้างให้คล้ายกับป่าริมแม่น้ำ เรียกได้ว่าเป็นการจำลองระบบนิเวศก็ว่าได้ค่ะ สัตว์นานาชนิดอาศัยอยู่ร่วมกันและเกื้อกูลกั

นากเล็กเล็บสั้น (Asian Small Clawed Otter)

ในรูปคือ นากเล็กเล็บสั้น ตอนที่เราไปก็นอนขดตัวกลมๆ อยู่บนกอไม้ไม่ขยับเลยล่ะ แต่ว่า แค่นั่งมองก็น่ารักแล้วค่ะ กลมๆ ขนเงาๆ น่ารักดี ด้านล่างจะเป็นแอ่งน้ำ โดยข้างล่างก็มีสัตว์อาศัยอยู่เช่นกัน ซึ่งจะเห็นได้ในการชมสัตว์น้ำจืดที่อยู่ชั้นด้านล่างนั่นเอง

จริงๆ แล้วในเขตป่าญี่ปุ่นมีสัตว์นานาชนิดให้เราชมกันค่ะ ตั้งแต่เล็กขนาดเล็กอย่างพวกกบ อ๊บ อ๊บ ไปจนถึงนกริมแม่น้ำ แต่ขอยกตัวอย่างคร่าวๆ นะคะ แค่นี้ก็ยาวสุดๆ แล้ว อิ อิ

แมวน้ำลายจุด (Harbor Seal)
(อยู่ตู้เดียวกับสิงโตทะเลแคริฟอร์เนีย)

ผ่านโซนป่าญี่ปุ่นมาแล้วจะเริ่มเข้าสู่โซนสัตว์ทะเลเป็นตู้ๆค่ะ มีตั้งแต่ตู้ใหญ่ๆ สลับกับตู้เล็กๆ มองแล้วไม่เบื่อเลยค่ะ เราติดใจเจ้าตัวที่นอนโชว์ท่าโพสสวยๆ ตัวนี้ค่ะ เจ้าแมวน้ำลายจุด จริงๆ มีคุณสิงโตทะเลอาศัยอยู่ในตู้เดียวกันด้วย ตัวที่ยังเด็กก็จะว่ายไปมาตลอดเวลา ส่วนตัวที่อวบระยะสุดท้ายนี่แค่นอนแอบแดดอย่างเดียวเลยค่ะ ฮา~

นากทะเล (Sea Otter)

เจ้าตัวนี้น่ารักมากกกกก เราชอบมากๆ เพราะน้องนากอุ๋งๆ จะลอยตัวอยู่ผิวน้ำ แล้วก็ดำผุดดำว่าย หมุนเป็นก้อนกลมๆ ไม่หยุดเลย รูปที่ถ่ายมาจึงไม่ชัด ขอเอารูปจากป้ายข้างๆ ไปก่อนนะคะ เขามีแนะนำตัวด้วยคร่าวๆ หน้าตามุ๊งมิ๊งมาก น่ายักกกก ~

ปลาอะราไพม่าหรือปลาช่อนยักษ์อเมซอน (Pirarucu)

เพื่อนๆ หลายคนอาจจะได้ยินเชื่อเสียงเรียงนามมากันบ้าง ซึ่งเราเองก็ได้ยินแต่ชื่อ แต่ไม่เคยได้มาเจอตัวเป็นๆ แบบนี้ คือ…ถ้าจับมาวัดความสูงคงสูงกว่าเราอีก อ้วนกว่าด้วย และด้วยความที่อยากรู้ เราก็ไปส่องใกล้ๆ เกล็ดปลาอย่างกับเปลือกหอย บางส่วนมีแสงสะท้อนสีแสดแกมแดง แต่โดยส่วนใหญ่มีเกล็ดสีดำเงา

หลังจากที่เราได้จ้องตากันอยู่นาน ฮา~ หนูล่ะกลัวพี่เบิ้มตัวนี้จริงๆ เหมือนนั่งดูสัตว์ที่สามารถกินเราเข้าไปได้อะไรแบบนั้น คือนั่งจ้องนานมาก แล้วจู่ๆ ก็มีเพื่อนพี่ช่อน (ขอเรียกชื่อย่อแบบเท่ๆ) ว่ายมาแนบกระจกด้านข้างที่หางตาของเรา สะดุ้งหนีแทบไม่ทัน 5555 แต่สนุกจริงๆ กับการดูพี่ช่อนถึงจะน่ากลัวไปหน่อยก็ตาม อิ อิ

ปลาปักเป้าฟันสองซี่ (Long-spine Porcupine Fish)

ถัดมาเป็นตู้ปลาขนาดกลางมีปลาขนาดเล็กหลากหลายชนิด แต่ว่าเราเก็บภาพปลาปักเป้าได้ค่อนข้างมาก ส่วนปลาอื่นๆ ไม่ค่อยรู้จัก มีปลาที่หน้าตาแปลกๆ หลายชนิด ทั้งตัวที่เหมือนปลาดุก และปลาที่ทำปากจูจุ๊บตลอดเวลา ตัวแบนๆ ก็มี ถือว่าเป็นการชมปลาแบบเพลิดเพลินไปอีกตู้หนึ่งค่ะ

ฝูงปลาน้อยใหญ่ตามแนวปะการัง

ถัดมาก็เริ่มเข้าสู่โซนใต้ทะเลดูจากสีน้ำและปริมาณแสงแล้ว เราคาดว่าเป็นจุดที่เริ่มเป็นปลาน้ำลึกขึ้นอีกหน่อย ด้านล่างมีพวกพืชทะเลขึ้นอยู่เต็มไปหมด และมีปลาขนาดจิ๋วมากมายเปล่งแสงสีน้ำเงินเข้มออกมา ราวกับหิ่งห้อยใต้ทะเลลึก โซนทะเลลึกจะมีบรรยากาศที่ค่อนข้างมืดๆ ครึ้มๆ ได้ฟีลมากๆ

เมื่อพ้นโซนทะเลลึกมาแล้ว จะเจอตู้ปลาขนาดใหญ่ที่อาจจะไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นตู้ปลา เพราะมีขนาดใหญ่ราวกับทั้งอาคารนี้ประกอบไปด้วยน้ำ และเรากำลังเดินอยู่ในน้ำไม่ปาน ตรงหน้ามีปลาขนาดใหญ่แหวกว่ายอยู่ รวมถึงฝูงปลาขนาดเล็กที่แหวกว่ายกันเป็นหมู่ เป็นระเบียบ ดูแล้วชวนติดตามว่าจะเปลี่ยนขบวนไปทิศทางใด เหมือนได้ดูการแปรขบวนดุริยางศ์โชว์

ด้านใต้น้ำก็พบกับคุณปลากระเบนที่ว่ายน้ำเรียบเรื่อยไปตามท้องน้ำ ไหลไปเรื่อยๆ ราวกับไม่ได้ออกแรงใดๆ อยู่ท่ามกวางฝูงปลาน้อยใหญ่ที่เขาแหวกว่ายกันอย่างรวดเร็ว แต่พี่กระเบนของเรานั้นยังคงใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ติสซะไม่มี อิ อิ

ฉลามครีบดำ (Requiem Shark, Whaler Shark)

ใต้ท้องน้ำมีพี่กระเบน ใกล้ๆ ผิวน้ำด้านบนก็มีคุณฉลามครีบดำแหวกว่ายอยู่ รายนี้ชีวิตดูล่องลอย ว่ายไปเรื่อยๆ ไม่สนใจผู้คนเลย ว่ายอยู่ตัวเดียว แต่แอบมีไปชนตัวใหญ่ๆ ชาวบ้านบ้างเป็นบางครั้ง เขาดูเป็นฉลามที่ไม่ดุอ่ะ อาจจะเพราะเขาไม่ได้แยกเขี้ยวให้เราดูก็เป็นได้ แต่คิดว่าดีแล้วที่เป็นแบบนั้น ไม่งั้นคงไม่กล้ามองพี่แกเลย

ฉลามวาฬ (Whale Shark)

ใหญ่มากกกก เป็นสัตว์น้ำตัวเป็นๆ ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยเหนมาเลยค่ะ แต่ว่าเขาดูเป็นปลาใจดีมากๆ แอบมามองกระจกใกล้ๆ เราด้วยนะ อาจจะไม่ได้ดูน่ารักน่าชังแบบโลมา แต่ตัวนี้ใจดีแบบผู้ใหญ่ (อย่าอ้าปากก็พอหนูกลัว~) ด้วยความที่ตัวใหญ่มากๆ ไม่ต้องทำอะไรชาวบ้านก็มาชนพี่แกเยอะแยะมากมาย แต่ตัวใหญ่ใจดีไม่ว่าอะไร รอบๆ ตัวใหญ่จึงมีเจ้าตัวเล็กๆ ว่ายวนๆเต็มไปหมดเลย ดูไปแล้วก็เพลินดีค่ะ

ฝูงนี้เขาตั้งขบวนกันเป็นแนวตั้งค่ะ เหมือนผ้าม่านเลย ว่ายทีก็ขึ้นๆ ลงๆ ไม่ค่อยว่ายแนวกว้างเท่าไหร่ เหลือบไปเห็นก็ถ่ายรูปมาฝากกันจ้า

และเมื่อเลยจากตู้ใหญ่ยักษ์เราก็มาเจอตู้ที่เลี้ยงปลาเฉพาะชนิด และพี่แกใหญ่มาก ทั้งตู้มีพี่แกอยู่ตัวเดียว ฮ๋าๆ ไม่มีปลาคบ หุ หุ นั่นก็คือปลาแสงอาทิตย์

ปลาแสงอาทิตย์ (Ocean Sunfish)

หน้าตาพี่แกก็แปลกมากๆ หน้าตาเหมือนโกรธคนอื่นตลอดเวลา ไม่ยิ้มเลย ==” ตัวก็นะ… บางทีก็คิดว่าตัวกับหางนี่ก็แยกไม่ออกมันกลมไปด้วยกันหมด เลย สมกับชื่อว่าปลาแสดงอาทิตย์มาก แต่ตัวนี้ร้ายกาจมาก ตอนมองปลาจะรู้สึกเหมือนแกอยู่เฉยๆ เหมือนหินไม่ขยับ แต่แค่กระพริบตาหรือ ละสายตาไปเพียงแว็บเดียว จะเห็นพี่แกวาร์ปไปอีกทีหนึ่งที่ไม่ใกล้ไม่ไกล ทั้งที่เราแน่ใจนะว่าพี่แกไม่ได้ว่ายไปไหนเลย ร้ายกาจมาก หึ หึ ส่วนตัวนั่งดูไปก็หัวเราะไป

เพนกวินราชา (King Penguin)

ถัดจากการชมปลากันเรียบร้อยแล้วเราก็มาชมสัตว์ที่หลายๆ คนชอบกันค่ะ นั่นคือเจ้าเพนกวินที่มีหน้าท้องน่าลูบมากๆ เดินเตาะแตะน่ายักกก ในตู้เลี้ยงจะพิเศษกว่าที่อื่นคือจะมีน้ำแข็งร่วงลงมาตลอด คาดว่าเพื่อให้อากาศนั้นเย็นเพียงพอที่เพนกวินจะอาศัยอยู่ได้ ในตู้นี้จะมีเพนกวินอยู่หลายชนิด แต่ในรูปนั้นเป็น เพนกวินราชา หน้าตาก็จะเชิดๆ กว่าพันธุ์อื่น อีกทั้งตัวโตกว่าชนิดอื่นอีกด้วย

แมงกะพรุนไฟ (Brown Jellyfish)

ถัดจากเพนกวินก็เป็นโซนของตู้เลี้ยงแมงกะพรุนค่ะ แต่ละตู้จะมีแมงกะพรุนแต่ละชนิดเลี้ยงใว้ มีทั้งขนาดที่มองเห็นได้ในระยะปกติ แต่บางชนิดต้องเข้าไปจ้อง เรียกว่าอาจต้องจ้องด้วยแว่นขยายกันเลยทีเดียวค่ะ แต่ที่โดดเด่นคงไม่พ้นเจ้าแมงกะพรุนไฟที่เคยได้ยินสรรพคุณเรื่องพิษกันมากบ้าง แมงกะพรุนนั้นเป็นสัตว์ที่หน้าตาตรงข้ามกับพิษของมันมาก อยู่ในน้ำ ดูอ่อนๆ เหลวๆ ไม่มีพิษมีภัย อีกทั้งดูแล้วยังเพลินมากอีกด้วย ยังไงก็คิดว่ามันสวยงามมากค่ะ ถ้าไม่นับเรื่องความอันตรายของมัน

แมงกะพรุนวงเดือน (Moon Jelly) 

ชนิดนี้ดูนุ่มนิ่มน่าจับมากกกก มันคือความนุ่มนวล ทำให้นึกถึงเจลลี่ นิ่มๆ น่ากิน (ไม่ใช่และ) และด้วยความนุ่มนิ่มสวยงามของมัน ทำให้เราอยู่โซนนี้นานมากกก

เราได้ดูโซนแมงกะพรุนเป็นโซนสุดท้ายก่อนจะเดินออกมาด้านนอก ต้องบอกว่าคุ้มกับค่าบัตรจริงๆ ค่ะ ได้ชมสิ่งมีชีวิตมากมาย หลายชนิดนั้นเคยเห็นแต่ในโทรทัศน์แต่พอมาดูจริงๆ แล้วมันสนุกจริงๆ

ส่งท้าย

หากเพื่อนๆ มีโอกาสได้มาเที่ยวโอซาก้า พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium KAIYUKAN) ก็เป็นอีกที่หนึ่งที่อยากให้ชมกันค่ะ ดูปลานี่มันสนุกจริงๆนะคะ อิ อิ ซึ่งหากชมได้แบบไม่รีบร้อนจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ถ้ารีบหน่อย 1 ชั่วโมงก็พอไหว งานนี้ถึงแม้จะไม่ได้ไปแบบวางแผนเอาไว้แต่ความสนุกที่ได้นับได้ว่าเกินกว่าที่คิดไว้เยอะเลยค่ะ สำหรับวันนี้อาจจะยาวไป (มาก) ขอลาไปเพียงเท่านี้นะคะ แล้วพบกับใหม่ค่า

บทความโดย 5tHbeaR
รูปภาพโดย Mttery
เขียนเมื่อ Mar 1, 2016
อัปเดตล่าสุด Oct 20, 2022

ค้นหาโรงแรมที่พักในโอซาก้า


บทความเที่ยวโอซาก้า (Osaka)

การเดินทาง
› วิธีเดินทาง
› บัตรเหมาจ่ายสุดคุ้ม
สถานที่ท่องเที่ยว
› Highlight
› Universal Studios Japan
› Osaka Bay
› Umeda
› Namba
› Tennoji
› Sumiyoshi
› เที่ยวนอกเมือง
โรงแรมที่พัก
ของกินของฝาก

+ ดูบทความเที่ยวโอซาก้าทั้งหมด

รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com