สวัสดีค่าา หลังจากที่ได้แนะนำวิธีการเดินทางในเมืองคานาซาว่า (Kanazawa) ไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เราจะพาเพื่อนๆ มาเที่ยวภายในเมืองแห่งนี้กันค่ะ โดยจะขอเริ่มต้นกันที่สวน Kenrokuen Garden (สวนเค็นโรคุเอ็น) ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามสวนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่นนะคะ ไปชมกันเลย~
เกี่ยวกับสวน Kenrokuen Garden
Kenrokuen Garden (兼六園) เปิดให้คนทั่วไปเข้าชมเมื่อปี 1871 เป็นสวนญี่ปุ่นที่กว้างกว่า 71.25 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณเนินสูงติดอยู่กับสวนปราสาทคานาซาว่า (Kanazawa Castle Park) เพียงแค่ข้ามถนนเท่านั้น
คำว่า Kenroku “兼六” ของชื่อสวนนั้นหมายถึง “คุณสมบัติ 6 ประการ” ที่ประกอบกันอยู่ในสวนนี้ อันได้แก่ พื้นที่กว้างขวาง, บรรยากาศเงียบสงบ, เทคนิคสรรสร้าง, ความเก่าแก่, แหล่งน้ำ, และทัศนียภาพที่งดงาม ซึ่งรวมกันเป็นคุณสมบัติที่ทำให้สวนนี้มีความสวยงามเป็นอย่างมากค่ะ
เวลาเปิดทำการ :
1 มีนาคม – 15 ตุลาคม เปิดตั้งแต่ 7:00 – 18:00 น.
16 ตุลาคม – 28/29 กุมภาพันธ์ เปิดตั้งแต่ 8:00 – 17:00 น.
เปิดทุกวัน
ค่าธรรมเนียมเข้าชม :
ผู้ใหญ่ (อายุ 18 ปีขึ้นไป) 310 เยน
เด็ก (อายุ 6-17 ปี) 100 เยน
ผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป) ไม่เสียค่าเข้าชม
เว็บไซต์ :
www.pref.ishikawa.jp (ภาษาอังกฤษ)
การเดินทาง (เข้าทางประตู Katsurazaka Gate) :
รถบัส
สามารถนั่งรถบัสจากสถานี Kanazawa ได้หลายเส้นทาง (ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที) ได้แก่
· รถบัส Kanazawa Loop Bus Right Loop ลงที่ป้าย RL8, หรือ Left Loop ลงที่ป้าย LL9 (ค่าโดยสาร 200 เยนต่อเที่ยว)
· รถบัส Kenrokuen Shuttle Bus (เฉพาะเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนขตฤกษ์) ลงที่ป้าย S8 (ค่าโดยสาร 100 เยนต่อเที่ยว)
*ดูแผนที่เส้นทางรถบัส www.hokutetsu.co.jp (ภาษาอังกฤษ)
แท็กซี่
นั่งแท็กซี่จากสถานี Kanazawa ใช้เวลาประมาณ 10 นาที (ค่าโดยสารประมาณ 1,000 – 1,500 เยน)
ดูแผนนที่ Google Map
รีวิวสวน Kenrokuen Garden
ขอเริ่มต้นจากทางเข้าสวน Kenrokuen ก่อนนะคะ ถึงแม้ว่าจะมีทางเข้ามากถึง 7 แห่งก็ตาม แต่ประตูที่สะดวกต่อการเที่ยวทั้งสวนนี้และสวนปราสาทคานาซาว่านั้นคือ ประตูทางเข้า Katsurazaka Gate (桂坂口) ค่ะ (ดูแผนที่ Google Map)
พอลงจากรถบัสก็เดินไปตามทางเดินก่อน บริเวณนั้นจะมีร้านขายของจุกจิก อาหาร ของฝาก ของเล่นหลายๆ อย่าง ทำให้เพลิดเพลินได้มากทีเดียวค่ะ
แน่นอนว่าของขึ้นชื่อของเมืองคานาซาว่าก็คือ “ทอง” ซึ่งเราก็เจอเมนูซอฟครีมที่ใส่ทองคำเปลวลงไปด้วย มีหรือที่แอดมินจะพลาด ทองคำเปลวนั้นทานได้ ไม่มีรสชาติ สามารถทานได้จริงๆ ไม่ต้องกังวลค่ะ
ริมถนนที่ติดกับสวนปราสาทคานาซาว่า (Kanazawa Castle Park) ก็มีสะพานขนาดใหญ่เชื่อมอยู่ เราสามารถเดินเข้าไปเที่ยวปราสาทได้เลยค่ะ (เดี๋ยวจะมารีวิวตอนหน้านะคะ)
สำหรับค่าเข้าสวน Kenrokuen นั้นอยู่ที่ราคาเพียง 310 เยน กับสวนอันร่มรื่นและกว้างมากขนาดนี้ คุ้มมากๆ เลยค่ะ ตอนนี้เป็นช่วงหน้าร้อน ต้นไม้ก็เขียวชอุ่ม ส่วนในช่วงฤดูหนาวก็ยังสวยมากๆ เวลาหิมะตกก็เป็นสีขาวโพลนเลยค่ะ นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้บริการไกด์อาสาสมัคร (ภาษาอังกฤษ) ได้อีกด้วย ซึ่งจะทำให้เราเที่ยวได้สนุกสนานมากขึ้นค่ะ
ภาพที่เพื่อนๆ เห็นนี้คือน้ำพุธรรมชาติที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นเชียวนะคะ! คำว่าน้ำพุธรรมชาติที่เราบอกนั้น แน่นอนว่าไม่มีการใช้ไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นกลไกของการใช้แรงดันธรรมชาติจากบ่อ Kasumiga-ike Pond ที่อยู่ด้านบนของสวนแห่งนี้นั่นเอง
และด้วยความเก่าแก่ของสวนแห่งนี้ เราจะได้เห็นความโบราณของสวนแบบญี่ปุ่นที่อาจจะทำให้รู้สึกว่ามันช่างแตกต่างจากสวนหินสะอาดตาแบบที่เราเคยคิดหรือเคยเจอมาก่อนค่ะ ในสวนแห่งนี้หลายๆ อย่างถูกสร้างขึ้นจากหิน ทั้งทางเดิน น้ำพุ และสะพานหินชมวิวเล็กๆ ในหลายๆ จุด
จากจุดน้ำพุตรงเนินเขา เราเดินผ่านต้นไม้ หินและวัตถุโบราณ (ทางธรรมชาติ)ค่อยๆ ชมสวนแบบไต่ระดับขึ้นมาจนถึงจุดบนสุดของเนิน เราจะได้พบกับจุดหนึ่งที่เป็นไฮไลท์และเอกลักษณ์อันโด่งดังของสวนแห่งนี้คือ บ่อ Kasumiga-ike Pond และ โคมไฟหินโบราณ Kotojitoro Lantern ที่มีลักษณะขาโคมไฟเป็นรูปโกโตะ (พิณญี่ปุ่น) ซึ่งแตกต่างจากโคมไฟหินทั่วไปที่จะมีลักษณะเป็นเสาหินตั้งตรง แต่โคมไฟนี้กลับมีขาข้างหนึ่งอยู่บนบกและอีกข้างหนึ่งตั้งอยู่ในน้ำค่ะ
สถานที่ต่อมาก็คือ ภูเขาแห่งเทพเจ้าโชคลาภทั้ง 7 “Shichi Fukujin-Yama” ซึ่งสร้างโดยตระกูล Maeda Naranaga เป็นไดเมียว (ตำแหน่งเจ้าเมือง) ในสมัยนั้น สำหรับความเชื่อเรื่องเทพเจ้าแห่งโชคลาภทั้ง 7 นั้นมาจากความเรื่องเรื่องเทพเจ้าของชาวญี่ปุ่น ซึ่งบริเวณแห่งนี้จะมีเจดีย์หินขนาดเล็กอยู่ตรงกลางและล้อมรอบด้วยหินธรรมชาติ 7 ก้อน อันเป็นตัวแทนของการประมงและการค้าขาย, ความมั่งคั่งและการเพาะปลูก, อัศวินและนักรบ, ศิลปะและความงาม, ความสุขและความมั่งคั่ง, ความอุดมสมบูรณ์และสุขภาพ, สุดท้ายคือ เทพแห่งอายุยืน เรียกว่าเป็นโซนที่แฝงไปด้วยการเชื่อมโยงกับความเชื่อโบราณของญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี (อารมณ์คล้ายๆ กับความเชื่อเรื่องเทพในแต่ละท้องถิ่นในเมืองไทย)
ลานด้านหน้า Shichi Fukujin-Yama นั้นจะเป็นโซนของต้นสนขนาดใหญ่ที่ได้รับการดูแลอย่างดี ซึ่งถือได้ว่าสวน Kenrokuen แห่งนี้เป็นสวนหนึ่งที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่ซึ่งหาได้ยากในสวนทั่วไปของญี่ปุ่นในปัจจุบัน รวมถึงอายุของต้นไม้ที่มีความเก่าแก่อย่างมากด้วยค่ะ
อีกส่วนหนึ่งถัดจากต้นสนจะเป็นโซนของซากุระที่มีอายุเก่าแก่ กำลังแผ่ขยายกิ่งก้านไปอย่างกว้างขวาง
นอกจากนี้เราก็จะได้เห็นต้นสนที่มีการพันเชือกเป็นพุ่มขึ้นไปซึ่งเรียกว่า “Yukitsuri” (แปลว่าที่แขนหิมะ) เพื่อทำให้ต้นไม้มีความมั่นคงมากขึ้นเวลาเจอกับหิมะหนักๆ ในฤดูหนาวนั่นเอง และก็ยังเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของสวนแห่งนี้อีกด้วยค่ะ
อีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวมักจะเดินมาถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึก คือ รูปปั้นของเจ้าชาย Yamato Takeru ที่ตั้งอยู่บนแท่นหินสูงตระหง่านนี้ค่ะ
การเที่ยวสวน Kenrokuen Garden นั้นมีหลายส่วนมากๆ รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ ส่วนบูรณะทรัพย์สินแผ่นดิน และอีกมากมายที่สามารถเข้าชมได้ค่ะ ในตอนหน้าเราจะพาไปเที่ยวสวนปราสาทคานาซาว่า (Kanazawa Castle Park) ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับสวน Kenrokuen กันนะคะ สำหรับวันนี้ขอลากันไปเพียงเท่านี้ สำหรับวันนี้ สวัสดีค่า
อ่านตอนต่อไป » [รีวิว] สวนปราสาทคานาซาว่า (Kanazawa Castle Park) จังหวัดอิชิคาว่า (Ishikawa)
เทียบราคาโรงแรมที่พักในคานาซาว่า
บทความเที่ยวคานาซาว่า (Kanazawa) ดูทั้งหมด »
· การเดินทางสู่เมืองคานาซาว่า (Kanazawa)
· การเดินทางภายในเมืองคานาซาว่าและ Kanazawa Loop Bus
· Kenrokuen Garden 1 ใน 3 สวนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น
· Kanazawa Castle Park สวนปราสาทคานาซาว่า
· Myouryu-ji (Ninja Temple) วัดนินจา
· Imai Kinpaku ร้านขายของฝากจากทอง
· Omicho Market ตลาดโอมิโจ ชิมปูหวานๆ
รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com