ครั้งก่อนเราได้แนะนำทริปเที่ยวโอซาก้า 1 วัน พร้อมรีวิวสวนสนุก Universal Studios Japan ในช่วงกลางวันกันไปแล้ว ครั้งนี้เราจึงขอรีวิวช่วงการเที่ยวพักผ่อนในช่วงค่ำกันต่อที่จุดชมวิว HARUKAS 300 (Observatory) บนอาคาร ABENO HARUKAS นะคะ ซึ่งที่นี่ก็เคยเป็นอาคารที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองโอซาก้านี่เองค่ะ

อย่างที่ได้เกริ่นเอาไว้ตั้งแต่บทความก่อนว่า ช่วงเย็นเรามีกิจกรรมหลายอย่าง อาทิ การเพลิดเพลินกับกิจกรรมชมวิวแบบใหม่อย่าง EDGE THE HARUKAS และการชมการประดับไฟสวยๆ ที่ SKY GARDEN 300 ก่อนที่จะพาไปรีวิวจดชมวิวบนตึกแห่งนี้ ก็ขอพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะไปกันนะคะ

เกี่ยวกับ HARUKAS 300 (Observatory)

ฮารุคัส 300 (HARUKAS 300 / ハルカス300) เป็นจุดชมวิวบนชั้น 58 – 60 ของอาคาร อาคารอาเบะโนะ ฮารุคัส (ABENO HARUKAS) ตั้งอยู่ในจังหวัดโอซาก้า (Osaka) ตรงย่านเทนโนจิ (Tennoji) ตัวอาคารนั้นมีความสูงถึง 300 เมตร และได้กลายเป็นตึกที่สูงที่สุดในโอซาก้าและประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2014 แน่นอนว่า HARUKAS 300 ได้กลายเป็นจุดชมวิวบนยอดตึกที่สูงที่สุดของญี่ปุ่นในขณะนั้น ปัจจุบัน ได้กลายเป็นตึกที่สุดที่สุดเป็นอันดับ 2 หลังจากที่ อาซาบูได ฮิลส์ โมริ เจพี ทาวเวอร์ (Azabudai Hills Mori JP Tower) ได้เปิดตัวเมื่อปี 2023

ภายในจุดชมวิว HARUKAS 300 สามารแบ่งออกเป็น 3 โซนใหญ่ๆ ดังนี้

ชั้นที่ 58

เป็นชั้น SKY GARDEN 300 สามารถชมวิวโดยรอบได้แบบ 360 องศา มีพื้นที่นั่งพักผ่อน จุดชมวิวพระทิตย์ตกดิน และมีร้านอาหารบรรยากาศดีๆ ที่จะได้เห็นวิวของโอซาก้าทั้งเมืองยาวไปถึงฝั่งริมทะเลที่เป็นที่ตั้งของสนามบินคันไซ อีกทั้งยังเป็นชั้นที่มีลานอเนกประสงค์แบบ Outdoor ซึ่งในฤดูใบไม้ผลิจะมีการจัดงานชมดอกไม้ ส่วนในฤดูหนาวจนถึงต้นฤดูใบ้ไม้ผลิช่วงตอนกลางคืนก็จะมีการจัดงานแสดงไฟ

ชั้นที่ 59

เป็นร้านขายของที่ระลึก SHOP HARUKAS 300 อาทิ ของฝากจากคิตตี้จัง ของที่ระลึกจาก ABENOBEA (หมีสีฟ้าซึ่งเป็นมาสตอตของจุดชมวิว) และเป็นที่จำหน่ายตั๋วกิจกรรมต่างๆ รวมถึงเป็นจุดที่คนมักจะเดินชมบริเวณรอบๆ เพราะเป็นที่โล่งตลอดทาง ไม่มีสิ่งกีดขวาง ทำให้ชมวิวได้แบบใกล้ชิดติดผนังกระจก นอกจากนี้ยังเป็นชั้นที่มีห้องน้ำที่สวยมาก โดยมีผนังเป็นกระจก สามารถชมวิวโอซาก้าได้แม้กระทั่งตอนเข้าห้องน้ำเลย

ชั้นที่ 60

เป็นจุดที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ขึ้นลิฟต์มาจากชั้นจำหน่ายตั๋ว (ชั้น 16) เป็นเสมือนชั้นที่เชื่อมไปยังชั้นอื่นๆ ทั้งชั้น 59 และ 58 รวมถึงบริเวณดาดฟ้าซึ่งมีกิจกรรมชมวิวแบบสุดขอบตึกชื่อว่า EDGE THE HARUKAS และกิจกรรมชมวิวจากลานเฮลิคอปเตอร์ชื่อว่า HARUKAS 300 Heliport Tour

  • เวลาทำการ: เปิดทุกวัน  9:00 – 22:00 น. (ซื้อตั๋วขึ้นจุดชมวิวได้ถึงเวลา 21:30 น.)
  • การเดินทาง:
    • เดิน 2 นาทีจากสถานีรถไฟ Tennoji (JR และ Subway)
    • เดิน 1 นาทีจากสถานีรถไฟ Osaka-Abenobashi (Kintetsu Line)

ตั๋วเข้าชม HARUKAS 300

ซื้อล่วงหน้า

สามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าทางออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ » Klook.com โดยจะรับมาเป็น E-ticket ราคา 1,500 เยน (※ไม่มีแยกราคาผู้ใหญ่หรือเด็ก)

Klook.com

ซื้อในวันที่เข้าชม

Same Day Ticket (เข้า-ออกได้ครั้งเดียว)

ซื้อตั๋วที่ Ticket Counter ชั้น 16 ของตึก ABENO HARUKAS ซึ่งมีตั๋วให้เลือกซื้ออีกหลายประเภทดังนี้

ประเภทผู้ใหญ่มัธยม
(12-17 ปี)
ประถม
(6-11 ปี)
เด็กเล็ก
(4-5 ปี)
บุคคลทั่วไป2,000 เยน1,200 เยน700 เยน500 เยน
กลุ่ม
(15 คน+)
1,800 เยน1,080 เยน630 เยน450 เยน
※อัปเดตล่าสุด Apr 3, 2024

หมายเหตุ:

  • สามารถใช้ Osaka Amazing Pass เป็นส่วนลดค่าเข้าบุคคลทั่วไปได้ 10%
  • เด็กเล็กอายุ 3 ขวบเข้าฟรี และเด็กก่อนวัยเรียนที่มีอายุ 6 ขวบ คิดค่าบริการเท่ากับเด็กเล็กอายุ 4-5 ปี
  • เด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีอายุ 12 ปี คิดค่าบริการเท่ากับระดับประถมศึกษาอายุ 6-11 ปี
  • เด็กชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีอายุ 18 ปี คิดค่าบริการเท่ากับระดับมัธยมอายุ 12-17 ปี
  • ตั๋วนี้ไม่สามารถใช้แบบ Re-Entry และเมื่อออกตั๋วแล้วไม่สามารถคืนได้
  • สามารถซื้อตั๋วได้ในวันที่ใช้บริการจนถึงเวลา 21:30 น.

ข้อมูลสถานที่อาจจะยาวไปหน่อย แต่เพื่อความครบครันสำหรับผู้ทีสนใจเดินทางมายังตึก ABENO HARUKAS นะคะ จากนี้ไปจะเป็นการรีวิวการท่องเที่ยว และความประทับใจเล็กๆ น้อยๆ ที่แอดมินได้ไปสัมผัสมาด้วยตนเองแล้วค่า

รีวิวเที่ยว HARUKAS 300

Observatory

ขออนุญาตเริ่มต้นกันที่การเดินทางเลยค่ะ จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่ามีทั้งสถานีรถไฟใต้ดินและสถานีรถไฟ JR ครั้งนี้แอดมินมาจาก Universal Studios Japan ดังนั้นเราจึงใช้บริการรถไฟสาย JR ค่ะ ใช้เวลาประมาณ 13 นาที โดยนั่งสาย Osaka Loop Line มาลงที่สถานี JR Tennoji แล้วออกประตูตอกตั๋วด้านทิศตะวันออก (East Exit) ค่ะ

สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับสถานีรถไฟในโอซาก้า ก็แนะนำให้เดินออกจากสถานี แล้วเดินข้ามถนนแล้วค่อยเดินเลาะๆ ไปตามป้าย โดยดูป้ายที่มีคำว่า HARUKAS 300 (Observatory) ค่ะ แอดมินเป็นคนหลงง่ายก็เดินตามป้ายเช่นกันค่ะ จริงๆ แล้วมันทะลุไปถึงรถไฟใต้ดินเลย ฉะนั้นไม่ว่าจะเดินทางไหน ขอให้ดูป้ายเอาไว้นะคะ

เดินไม่เกิน 1-2 นาที ก็จะเจอโซนขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 16 ซึ่งเป็นชั้นจำหน่ายตั๋วและลิฟต์ต่อไปยังจุดชมวิวที่ชั้น 60 ค่ะ ลิฟต์ที่เห็นนี้ แอดมินขึ้นจากชั้นใต้ดินนะคะ ฉะนั้นถ้าเดินตามป้ายโดยไม่ออกจากด้านในสถานีก็จะเจอโซนนี้ได้ไม่ยากค่ะ เห็นได้ว่ามีคนรออยู่พอสมควร ตึกนี้มีชื่อเสียงมากแม้แต่คนญี่ปุ่นเองเมื่อมาถึงโอซาก้าก็ต้องมาเที่ยวสักครั้งค่ะ

เมื่อมาถึงชั้น 16 เดินเข้ามาด้านในแล้ว เคาท์เตอร์แรกที่อยู่ตรงกลางจะเป็นเคาท์เตอร์สำหรับพิพิธภัณฑ์ ABENO HARUKAS Art Museum ค่ะ นี่ก็ไปเข้าแถวผิดมาแล้ว (อายจริง >///<) เรื่องเปิ่นๆ ขอให้บอก ฮา~ ให้เดินเข้าด้านในด้านซ้ายมือของตนเองค่ะ แล้วจะเจอเคาท์เตอร์ลักษณะแบบนี้ ซึ่งเป็นแถวตั๋ว Same Day Ticket บนป้ายมีภาษาอังกฤษกำกับค่ะ

เมื่อรับตั๋วแล้วก็เดินผ่านเคาท์เตอร์เข้ามาด้านใน จะเป็นโซนสำหรับขึ้นไปยังชั้น 60 ค่ะ ตอนที่ผ่านประตูเพียงแค่แสกนบาร์โค้ดที่อยู่หน้าตั๋วค่ะ เซ็นเซอร์ดีใช้ได้ ไม่ค่อยเป็นปัญหา พอไปถึงหน้าลิฟต์จะมีพนักงานคอยบริการและจัดระเบียบการขึ้นลิฟต์ให้ตลอด

เมื่อเราเดินเข้าไปในลิฟต์แล้ว พนักงานจะบอกให้เดินชิดด้านในและหันหน้าเข้าหากำแพง เมื่อลิฟต์จะขึ้น เขาจะบอกให้เรามองขึ้นไปด้านบนค่ะ ส่วนนี้เป็นไฮไลท์อย่างหนึ่งที่เขาได้ไอเดียมาจากการที่เครื่องบินจะออกตัวแบบในภาพยนตร์ค่ะ มีทั้งแสงนำทางและบนผนังจะมีเลขชั้นปรากฏตั้งแต่เลขที่ 16 ไปจนถึงชั้นที่ 60 ให้ฟิลลิ่งเหมือนจะบินค่ะ ใช้เวลาประมาณ 3 นาทีก็มาถึงชั้นที่ 60 รู้สึกเหมือนเล่นเครื่องเล่นที่ Universal Studios Japan เลย ฮ่าๆ

ตึกนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่สามารถมองเห็นแทบทุกอย่างก็ว่าได้ เพราะทั้ง 4 ทิศสามารถมองเห็นวิวได้แบบ 360 องศา ทั้ง 4 ด้านที่ติดกับจังหวัดเกียวโต, จังหวัดนารา, เมืองโกเบในจังหวัดเฮียวโกะ และอีกด้านที่สามารถมองออกไปถึงชายฝั่ง เห็นไปถึงสนามบินคันไซที่อยู่ตรงอ่าวโอซาก้าเลยค่ะ ยิ่งช่วงเวลาพระอาทิตย์ใกล้ตกดินจะสามารถเห็นแสงตะวันที่ลอดหมู่เมฆลงมายังพื้นดิน นับว่าเป็นวิวที่หาได้ยากยิ่ง ส่วนตัวมองว่าเป็นทิวทัศน์ที่แตกต่างจากโซนอุเมดะ (Umeda) ที่มองเห็นฝั่งอ่าวโอซาก้าเป็นหลักค่ะ

ช่วงที่แอดมินไปยังไม่มืด จึงขอลองซอฟต์ครีมสับปะรดซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ค่ะ ราคาโคนละ 550 เยน ได้ยินว่าเป็นรสชาติที่หาทานได้จากที่นี่ที่เดียว โดยเฉพาะคนไทยน่าจะถูกปากค่ะ ในซอฟต์ครีมเนื้อนุ่มจะมีเม็ดสับปะรดเม็ดเล็กๆ ให้เราเคี้ยวกรุบกรับๆ รสชาติหวานอมเปรี้ยวนิดๆ กำลังดี ไม่หวานเลี่ยนด้วย อาจจะดูธรรมดาแต่สำหรับประเทศหนาวๆ นั้น ผลไม้เขตร้อนถือว่าเป็นของหายากเลยนะคะ มาแล้วก็ควรลองค่ะ เดินชมวิวไปด้วย ชิลเวอร์~

ก่อนจะไปทำกิจกรรมสนุกๆ บนดาดฟ้า ก็เดินลงมายังชั้น 58 กันสักนิดค่ะ เพราะที่ชั้นนี้มีลานกลางแจ้งซึ่งจัดต้นซากุระเอาไว้ให้เรานั่งทานขนมเล่น เป็นลาน Outdoor ฉะนั้นลมเย็นชื่นใจจ้าาา ฮ่าๆ (ช่วงที่มาคือปลายเดือนมีนาคม) แต่ว่าช่วงกลางวันที่มีแสงแดดส่องกับอากาศเย็นๆ เป็นอะไรที่ดีมากค่ะ นั่งชมซากุระไปด้วยก็ได้ บริเวณนี้ในตอนกลางคืนมีจัดไฟและร้านอาหารด้วยนะคะ

ความน่านั่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เอามาฝากกันค่ะ กลางคืนพอเปิดไฟก็จะสวยไปอีกแบบ ข้างๆ ก็มีร้านอาหารที่เราสามารถซื้อแล้วมานั่งทานรับลมชมวิวตรงนี้ได้อย่างอิสระอีกด้วย รูปนี้แอดมินถ่ายจากชั้นบนสุดค่ะ ซึ่งอีกสักครู่เราจะพาขึ้นไปดูกันนะคะ อิ อิ

EDGE THE HARUKAS

เห็นคนยืนอยู่ด้านซ้ายมือของรูปมั้ยคะ ที่นั่นคือที่ที่เราจะไปชมวิวกันค่ะ แอบเสียว~ คำว่าชมวิวจากยอดตึกที่แท้ทรู มาอยู่บนนี้แล้วชมวิวด้านล่างดูเด็กๆ ไปเลย กิจกรรมนี้ชื่อว่า EDGE THE HARUKAS ค่ะ เป็นกิจกรรมที่จะพาเราขึ้นไปยังจุดสูงสุดของตึกนี้และมองลงไปด้านล่างจากริมขอบตึก แถมแหกปากตะโกนให้ก้องเมืองโอซาก้าแห่งนี้ด้วยค่ะ!

  • ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม: 3,000 เยน/คน (ต้องจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์มาก่อน)
  • รอบกิจกรรม: แบ่งเป็น 7 รอบ
    1) 10:00 น. 2) 11:30 น.
    3) 13:00 น. 4) 14:30 น.
    5) 16:00 น. 6) 17:30 น.
    7) 19:00 น.
  • ระยะเวลากิจกรรม: 60 นาที (อยู่ด้านบนตึกประมาณ 15 นาที)
  • จำนวนผู้เข้าร่วม: เข้าร่วมกิจกรรมได้ครั้งละ 7 คน (ขึ้นไปด้านบนได้ครั้งละ 7 คน ตามลำดับ)
  • สถานที่ร่วมกิจกรรม: ABENO HARUKAS Application Center ชั้น 60

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ » EDGE THE HARUKAS (ภายษาอังกฤษ)

Application Center

เคาท์เตอร์ซื้อตั๋วกิจกรรม EDGE THE HARUKAS อยู่ที่ชั้น 60 หรือชั้นเดียวกับลิฟต์ที่เราขึ้นมาจากด้านล่างค่ะ ซึ่งจะมีเคาท์เตอร์ให้บริการอยู่ด้านขวามือ เมื่อซื้อตั๋วแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้เราเก็บของมีค่าทุกสิ่งที่เราพกมาเอาไว้ในล็อคเกอร์ค่ะ (ด้านบนมีบริการถ่ายรูปให้เป็นที่ระลึก ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้รูปกลับมาคนะคะ) ส่วนนาฬิกา แหวน ต่างหู ถ้าใส่ขึ้นไปด้านบนเขาก็ให้ถอดเอาไว้ก่อนขึ้นไปค่ะ

※จากตรงนี้ขึ้นไป เราไม่สามารถนำกล้องหรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือขึ้นไปได้นะคะ แต่เนื่องจากแอดมินได้รับเชิญมาเพื่อการประชาสัมพันธ์ จึงสามารถนำกล้องขึ้นไปถ่ายรูปด้านบนได้ และมีเจ้าหน้าที่ช่วยถ่ายรูปให้ค่ะ

เก็บของแล้วก็เลือกชุดหมีกันค่ะ เป็นชุดที่จะทำให้เราเคลื่อนไหวคล่องตัว ไม่เกิดอุบัติเหตุว่าชุดเราจะไปเกาะเกี่ยวกับอะไรตรงไหน ใครที่ไม่รู้ว่าจะเลือกไซส์ไหนก็เอาแอดมินเป็นเกณฑ์ดูค่ะ แอดมินรูปร่างสมส่วนสูงประมาณ 163 เซนติเมตร เผื่อขนาดเสื้อโค้ทแล้วเลือกไซส์ L ค่ะ

เข้าแถวรอสักพักเจ้าหน้าที่จะพาเราขึ้นไปด้านบนค่ะ เราไม่สามารถขึ้นไปเองได้ต้องมีการ์ดสแกนด้วย เพื่อความปลอดภัย ไม่ให้คนขึ้นมาโดยพลการนั่นเอง ด้านบนมีการแบ่งโซนกันดูแลโดยเจ้าหน้าที่แต่ละท่านค่ะ ชุดสีน้ำเงินคือเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรา ส่วนชุดสีแดงคือผู้เข้าร่วมกิจกรรม

ก่อนการสวมชุดสีแดง เจ้าหน้าที่จะแสกนร่างกายเราก่อนว่าพกอะไรที่ไม่ควรพกขึ้นไปด้วยหรือไม่ หากมีเครื่องประดับหรือของมีค่าที่กลัวว่าจะทำตก เขาจะให้ฝากไว้ที่ตะกร้าบนชั้นค่ะ แอดมินก็ต้องถอดต่างหูออกเหมือนกันค่ะ

เมื่อใส่ชุดแล้วก็จะประมาณนี้ค่ะ (จริงๆ ต้องใส่ถุงมือด้วย ตอนนั้นยังไม่ได้ใส่) เนื่องจากว่าขากางเกงยาวไป เราก็พับขาขึ้นซะหน่อย ถ้ามันยาวเกินไปเจ้าหน้าที่เขาก็ให้พับค่ะ สายสีฟ้าคือสายสายเซฟตี้ ซึ่งเขาจะรัดให้แน่นในตอนที่ตรวจเครื่องแต่งกายก่อนขึ้นอีกครั้งค่ะ และในกระเป๋ากางเกงด้านขวาจะมีตัวล้อที่จะยึดเราเอาไว้กับแท่นเหล็กด้านบนค่ะ

เป็นภาพแท่นที่เราจะขึ้นไปแบบใกล้ๆ ค่ะ ความเสียวมันเริ่มมาก็ตอนนี้ล่ะค่ะ ตอนอยู่ไกลๆ มันก็ไม่สูงขนาดนี้ ฮ่าๆ แต่เพื่อวิวอันสวยงามและความท้าทายที่ว่า “มีที่นี่ที่เดียวเท่านั้น” ก็พอข่มๆ ใจเอาไว้ได้บ้างล่ะ อิ อิ เจ้าหน้าที่จะพาเราเดินไปยังข้างใต้ของแท่นนี้ค่ะ แล้วอธิบายว่าเราจะทำตัวอย่างไร และไม่ควรทำอะไรบ้าง สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เขาจะอธิบายเป็นภาษาอังกฤษให้เราค่ะ ไม่ต้องห่วงเลย สบายใจได้

จากนั้นเราก็ค่อยๆ เดินขึ้นบันไดค่ะ ขึ้นได้ทีละคนเท่านั้น ก่อนขึ้นให้ใส่ตัวล้อที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านขวาของเราเข้ากับรางเหล็กที่อยู่ด้านขวามือค่ะ เพื่อความปลอดภัยว่าเราจะไม่ตกแน่นอน พอขึ้นไปจะเห็นว่ามันแคบมากกก รู้สึกขนลุกแว๊บๆ คือมันไม่ใช่สวนสนุก ไม่ใช่เครื่องเล่น แต่นี่มัน 300 เมตรจากพื้นเลยนา ของจริงด้วยยย กลัวแต่ก็ตื่นเต้นมากกก ฮ่าๆ

เมื่อถึงจุดที่เขากำหนดเอาไว้แล้วเจ้าหน้าที่จะบอกว่าห้ามหันไปมองด้านหลัง (ด้านวิว) ให้หันหน้าเข้าด้านในตึกก่อน พอนับ 1…2…3 แล้วค่อยๆ หันมาพร้อมกัน เรียกว่ามันเป็นปรากฎการณ์ที่แบบว่า ว้าวว~ คือเป็นอะไรที่ดีมาก เป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด! การชมวิวในอาคารกับบรรยากาศจริงๆ ตรงด้านนอกมันแตกต่างกันมากๆ จากนั้นก็ให้เราตะโกนออกไปดังๆ ค่ะ แบบระบายความเครียด เอาให้ดังให้สุดเสียง ปล่อยพลังให้สุด ไม่ดัง เขาก็ไม่เลิกบิ้วนะจะบอกให้ ฮ่าๆ

ยังค่ะ ยังไม่จบ! หลังจากระบายอารมณ์กันไปแล้ว ก็หันกลับมาอีกรอบ แล้วให้เอาเชือกที่คล้องกับเหล็กมาคล้องรอบเอว แล้วล็อคตัวเราเอาไว้กับราวอีกครั้ง จากนั้นค่ะ จากนั้น…ให้เราเอนตัวไปด้านหลัง ทิ้งตัวออกไปด้านนอก อีตอนนี้ล่ะ อร๊ายยยยยย~ หัวใจจะวาย คือ ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะไม่ค่อยเสียว แต่คนที่สูงหน่อย ช่วงเอวมันจะเลยออกไปจากแทนตรงนั้นด้วย คือมันจะเสียวมากกก กรี๊ดกร๊าดกันกระจุย! ใครยังไม่พอใจจะเอนข้างก็ไม่ว่ากันนะคะ

หลังจากนั้นก็มีการเอนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แล้วก็เริ่มคุยกันชิลๆ เรื่องวิวบ้าง ถามโน่นนี่สักพัก เจ้าหน้าที่จะให้เราเดินต่อไปยังอีกฝั่งค่ะ เดินไปทีละคนแล้วเขาจะถ่ายรูปให้เรา เสร็จแล้วจะปริ้นให้เป็นที่ระลึกด้วย (รวมอยู่ในค่าบริการเรียบร้อย)

ส่วนคนที่อยากอัพโหลด ก็มีบาร์โค้ดให้แสกนค่ะ แล้วดาวน์โหลดผ่านทางออนไลน์ได้ทันที ระยะเวลานาน 7 วัน โหลดได้ 30 ครั้ง ตอนที่จะดาวน์โหลดต้องใส่โค้ด (プスコード): 3613 – XXXX (ตัวอย่าง) ทั้งนี้เพื่อรองรับปัญหาเรื่องการไม่สามารถพกกล้องขึ้นมาบนนี้ได้นั่นเองค่า

HARUKAS 300 Heliport Tour

สำหรับคนที่ไม่อยากเล่นอะไรเสียวๆ อย่างในกิจกรรมแรก ก็สามารถขึ้นมาชมวิวด้านบนสุดได้ที่ลานเฮลิคอปเตอร์ของตึกค่ะ กับกิจกรรมชื่อว่า HARUKAS 300 Heliport Tour ใช้เวลา 20 นาที ส่วนแอดมินเข้าร่วมทั้ง 2 กิจกรรมใช้เวลาร่วม 1 ชั่วโมง ลานจอดนี้ใช้จริงในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้ หรือมีผู้ป่วยฉุกเฉิกแล้วต้องใช้ทีมแพทย์ “เฮลิด็อกเตอร์” (ทีมแพทย์ฉุกเฉิกบนเฮลิคอปเตอร์) นั่นเองค่ะ

  • ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม: 1,500 เยน/คน
  • รอบกิจกรรม: แบ่งเป็น 13-14 รอบ
    #) 9:40 น. (※เฉพาะวันหยุด)
    1) 10:30 น. 2) 11:20 น.
    3) 12:10 น. 4) 13:00 น.
    5) 13:50 น. 6) 14:40 น.
    7) 15:30 น. 8) 16:20 น.
    9) 17:10 น. 10) 18:00 น.
    11) 18:50 น. 12) 19:40
    13) 20:30
  • ระยะเวลากิจกรรม: 25 นาที (อยู่บนลานเฮลิคอปเตอร์ประมาณ 15 – 20 นาที)
  • จำนวนผู้เข้าร่วม: สูงสุด 30 คน/รอบ
  • สถานที่ซื้อตั๋ว: ABENO HARUKAS Application Center ชั้น 60

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ » HARUKAS 300 Heliport Tour (ภายษาอังกฤษ)

ลงมาก็ขอแวะเข้าห้องน้ำสักหน่อย เกร็งไปหมดแล้วจากกิจกรรมแรก เอิ๊ก~ จะว่าไปแม้แต่ห้องน้ำวิวก็ยังเป็นแบบนี้เลย นี่คืออยู่สูงเกือบ 300 เมตรไง ไม่มีใครเห็น แต่ก็ได้ฟิลว่าห้องที่ถ่ายรูปแล้วได้มุมสวยนักล่ะ ทำธุระไป เดินเล่นชมวิวไปด้วยก็เพลินดีค่ะ

SKY GARDEN 300

เดินเอ้อระเหยจนฟ้ามืดๆ รอเวลาจนถึงประมาณ 18:30 น. จะเริ่มมีการนับถอยหลังเพื่อฉายภาพ 3 มิติ City Light Fantasia By Naked (ปีล่าสุดจัดระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน 2018 – 31 มีนาคม 2019) มีฉากใหญ่ที่ลานกลางแจ้งของชั้นที่ 58 ตรง SKY GARDEN 300 ในส่วนของชั้น 59 จะมีการฉายภาพ 3 มิติ ซ้อนกับวิวเมืองโอซาก้าด้านหลัง ทำให้ภาพนั้นอลังการยิ่งขึ้น ของจริงคือสวยมาก เหมือนมีชีวิตจริงๆ เลยค่ะ

การจัดไฟนี้จะจัดขึ้นในช่วงฤดูหนาวจนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ ตั้งแต่ตะวันตกดิน (ปกติเริ่ม 18:30 น.) จนถึงเวลาใกล้ปิดตอน 21:40 น. โดยการชมไฟนี้สามารถชมได้ทั้ง 4 ด้านของตึกและมีลานกลางแจ้งเป็นภาพ 3 มิติความสูงกว่า 3 ชั้น เรียกว่ายิ่งใหญ่มากๆ ส่วนตัวแอดมินดูที่ชั้น 59 ชอบดูกับวิวด้านล่างค่ะ ของจริงอลังการมากๆ

สนุกมาเยอะแล้ว ก็มานั่งทานข้าวกันบ้างค่ะ เป็นร้านที่ลานกลางแจ้งชั้น 58 จัดแบบ Open Air หนาวๆ เย็นๆ แต่ที่น่าสนใจคือโต๊ะที่เราจะได้นั่งทานอาหารนี่แหละค่ะ เพราะมันคือโต๊ะโคทัตสึ (Kotatsu Table) หรือโต๊ะที่มีเครื่องทำความร้อนอยู่ข้างใต้ให้เรานั่งแบบอุ่นๆ ใต้โต๊ะ

สามารถซื้ออาหารอุ่นๆ อย่างโอเด้งมานั่งทานและชมวิวดีๆ แบบนี้ได้ เป็นอะไรที่หาได้ยากจริงๆ คนที่มาญี่ปุ่นมีโอกาสคือต้องลองค่ะ โต๊ะแบบนี้แม้แต่แอดมินก็ไม่เคยนั่งนะ ฮ่าๆ ร้านโอเด้งก็ราคาไม่แพงค่ะ เพราะไม่ใช่ภัตรคาร เป็นร้านทั่วไปแต่ทาง HARUKAS 300 นั้นมีบริการโต๊ะทานอาหารและวิวดีๆ ให้พร้อม!

ทิ้งท้ายกันไปด้วยบรรยากาศเมืองโอซาก้ายามค่ำคืนกันสักนิดค่ะ คนที่ร่วมกิจกรรม EDGE THE HARUKAS รอบกลางคืนจะฟินเป็นพิเศษค่ะ เพราะเรามองไม่ค่อยเห็นด้านล่าง จึงไม่ค่อยรู้สึกว่ามันน่ากลัว (กร๊ากกก~) อีกทั้งวิวไฟของเมืองโอซาก้าก็สวยมากควรค่าแก่ควรชมจริงๆ ค่ะ

ส่งท้าย

เรียกได้ว่าเป็นการท่องเที่ยวโอซาก้าที่ฟินมากๆ สำหรับแอดมินเลยนะคะ แม้จะมีเวลาเที่ยวแค่วันเดียวก็คุ้มค่ามาก ได้เที่ยวสวนสนุก Universal Studios Japan ได้ชมวิวสวยๆ พร้อมเล่นกิจกรรมมันๆ ได้ทานอาหารอร่อยด้วย

สำหรับวันนี้แอดมินขอจบรีวิวการเที่ยวโอซาก้าใน 1 วันไว้เพียงเท่านี้ แล้วเจอกันใหม่นะคะ สวัสดีค่า

ค้นหาโรงแรมที่พักในโอซาก้า


บทความเที่ยวโอซาก้า (Osaka)

การเดินทาง
› วิธีเดินทาง
› บัตรเหมาจ่ายสุดคุ้ม
สถานที่ท่องเที่ยว
› Highlight
› Universal Studios Japan
› Osaka Bay
› Umeda
› Namba
› Tennoji
› Sumiyoshi
› เที่ยวนอกเมือง
โรงแรมที่พัก
ของกินของฝาก

+ ดูบทความเที่ยวโอซาก้าทั้งหมด

รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com