[รีวิว] เที่ยวภูเขาไฟฟูจิชั้น 5 บนเส้นทางสายฟูจิสุบารุ (Fuji Subaru Line 5th Station)

หลังจากที่ชมภูเขาไฟฟูจิจากบริเวณรอบๆ กันไปแล้วหลายรีวิวแล้ว คราวนี้เราก็จะพาขึ้นไปข้างบนกันบ้างค่ะ โดยจะพาไปเยือนสถานีที่ 5 เส้นทางสายฟูจิสุบารุ (Fuji Subaru Line 5th Station) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “ภูเขาไฟฟูจิชั้น 5 (Mt. Fuji 5th Station)” นั่นเอง บอกเลยว่าเป็นที่ยอดฮิตจริงๆ สำหรับคนที่มาเที่ยวกับทัวร์ ถ้ามีแพลนมาเที่ยวทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko) ต้องแวะมาที่นี่ หุหุ

เกี่ยวกับ Fuji Subaru Line 5th Station

สาระและเกร็ดน่ารู้

สถานีที่ 5 เส้นทางสายฟูจิสุบารุ (Fuji Subaru Line 5th Station / 富士スバルライン五合目) ตั้งอยู่ที่ความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 2,300 เมตร เป็นสถานีปลายทางของเส้นทางสายฟูจิสุบารุ (Fuji Subaru Line) ซึ่งเชื่อมระหว่างทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko) และภูเขาไฟฟูจิชั้น 5 (Mt. Fuji 5th Station) ในจังหวัดยามานาชิ (Yamanashi)

ที่สถานีที่ 5 แห่งนี้ยังเป็นจุดเชื่อมกับเส้นทางโยชิดะ (Yoshida Trail) ซึ่งเป็นเส้นทางปีนเขาภูเขาไฟฟูจิยอดนิยม บริเวณสถานีจึงมีร้านค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน ทั้งนอกจากนี้ก็ยังเป็นจุดชมวิวสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้มาปีนเขาอีกด้วย

สำหรับเส้นทางสายฟูจิสุบารุ (Fuji Subaru Line) นั้นมีระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถประมาณ 40-50 นาที โดยมีการเก็บค่าผ่านทางสำหรับยานพาหนะต่างๆ และจะมีการปิดไม่ให้รถยนต์ส่วนบุคคลผ่านในช่วงฤดูกาลปีนเขา (1 กรกฎาคมถึง 10 กันยายน) รวมถึงในช่วงที่สภาพอากาศไม่ดี

ข้อมูลการเยี่ยมชม

เวลาทำการ:	ร้านค้าเปิดประมาณ 9:00 – 17:00 น.
วันหยุด:	ไม่มีวันหยุด
ค่าเข้าชม:	ไม่มีค่าเช้าชมที่สถานีชั้น 5 *แต่ผู้ที่ขับรถยนต์มาเองจะต้องเสียค่าผ่านทางสำหรับเส้นทางสายฟูจิสุบารุ 2,100 เยน (รถยนต์ขนาดมาตฐาน)

วิธีการเดินทาง

จากคาวากุจิโกะ

• จากสถานี Kawaguchiko ให้นั่งรถบัส Fujikyuko Bus มาลงที่ป้าย Fuji-Subaru Line 5th Station ใช้เวลาประมาณ 50 นาที [ดูตารางเวลา]
  • ค่าโดยสารเที่ยวเดียว 1,570 เยน
  • ค่าโดยสารไป-กลับ 2,300 เยน

จากโตเกียว

• จากท่ารถ Shinjuku Expressway Bus Terminal ให้นั่งรถบัส Highway Bus มาลงที่ป้าย Mt. Fuji 5th Station ใช้เวลาประมาณ 145 นาที
  *ให้บริการเฉพาะช่วงฤดูร้อนเท่านั้น [ดูตารางเวลา]
  • ค่าโดยสารเที่ยวเดียว 2,950 เยน

รีวิวเที่ยวภูเขาไฟฟูจิชั้น 5 (Fuji Subaru Line 5th Station)

ในตอนที่แล้วเราได้ไปเที่ยวหมู่บ้านน้ำใส โอชิโนะฮักไก (Oshino Hakkai) โดยกรุ๊ปทัวร์ จากนั้นไกด์ก็พาเรามาต่อยังภูเขาไฟฟูจิชั้น 5 (Mt. Fuji 5th Station) ที่อยู่บนเส้นทางสายฟูจิสุบารุ (Fuji Subaru Line) ค่ะ ข้อดีของการมากับทัวร์นี่คือ เราไม่ต้องวุ่นวายเรื่องต่อรถเลย อิอิ

ภูเขาไฟฟูจิโดนเมฆบังมิดตั้งแต่ตอนอยู่หมู่บ้านน้ำใสจนถึงตอนที่นั่งรถมานี้ มาลุ้นกันว่าถ้าขึ้นไปด้านบนชั้น 5 แล้ว เราจะได้เห็นยอดฟูจิกันมั้ย

ตรงนี้เป็นด่านเก็บค่าผ่านทางของเส้นทางสายฟูจิสุบารุ (Fuji Subaru Line) คนที่ขับรถมาเองก็ต้องเสียค่าผ่านทางตรงนี้นะคะ จากด่านตรงคาวากุจิโกะจะใช้เวลาประมาณ 40-50 นาทีในการนั่งรถขึ้นไปยังสถานีที่ 5 ค่ะ ระหว่างทางก็จะมีช่วงที่เรียกว่า “ถนนเสียงดนตรี (Melody Road)” เมื่อเราขับผ่านโดยใช้ความเร็วที่กำหนด (ประมาณ 40 กม./ชม.) ก็จะมีเสียงเพลงดังขึ้นมา ตอนที่ขับผ่าน ไกด์ก็มีแจ้งนะคะ ต้องเงี่ยหูฟังกันหน่อย

ระหว่างทางก็จะเห็นแต่ต้นไม้เต็มไปหมด แต่พอขึ้นมาด้านบนแล้วได้เห็นฟูจิชัดๆ แบบใกล้ๆ เลยแบบนี้ ค่อยชื่นใจหน่อยว่าทริปนี้ไม่แป้กแล้ว เย่ๆ

ตรงนี้เป็นลานจอดรถ มองออกไปเห็นเป็นทะเลหมอกเลย

ถึงแล้วจ้า “สถานีที่ 5 เส้นทางสายฟูจิสุบารุ (Fuji Subaru Line 5th Station)” ที่อยู่บนภูเขาไฟฟูจิชั้น 5 บนความสูงถึง 2,300 เมตร โดยยอดภูเขาไฟฟูจิที่เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นนั้นสูง 3,776 เมตร ก็ถือว่าขึ้นมาได้เกินครึ่งนึงของความสูงละ รถยนต์จะขึ้นมาสูงสุดได้แค่ที่นี่นะคะ

พอก้าวลงจากรถคือหนาวมาก บรื๋อ~ แม้ว่ายังเป็นแค่ช่วงฤดูใบไม้ร่วง แต่ว่าด้านบนนี่หนาวจนสั่นเลย ขนาดมีแดดเปรี้ยงก็ยังไม่ช่วยเท่าไหร่ แนะนำว่าถ้าจะมาเที่ยวที่นี่ควรเตรียมอุปกรณ์กันหนาวมาด้วยนะคะ แอดมินมีทั้งฮีทเท็คและถุงมือยังสั่นเลย

Gogoen Rest House
(五合園レストハウス)

เรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวมนักท่องเที่ยว ด้านในมีทั้งร้านขายของฝาก ร้านอาหาร และยังเป็นฐานสำหรับนักปีนเขา

ใกล้ๆ กับโซนร้านขายของฝาก ก็จะมีเสาโทริอิสีแดง ซึ่งเป็นทางเข้าศาลเจ้าค่ะ เปิดให้เข้าชมได้ฟรีนะคะ

เมื่อเดินเข้ามาด้านในเราก็จะได้ฟูจิแบบว่ายิ่งใหญ่อลังการจริงๆ ช่วงนี้เป็นตอนกลางเดือนพฤศจิกายน หิมะบนยอดเลยยังไม่เยอะเท่าไหร่ ใบไม้เปลี่ยนสีพอมีให้เห็นนิดหน่อย

Fujisan Komitake Shrine
(冨士山小御嶽神社)

ศาลเจ้าโคมิตาเคะเป็นศาลเจ้าชินโต สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1465 เป็นศาลเจ้าเท็งงุที่เชื่อว่าเป็นเทพผู้พิทักษ์ของนักปีนเขาฟูจิมาตั้งแต่สมัยโบราณ

ปกติเห็นเป็นแต่รูปวาด แต่แผ่นไม้เอมะสำหรับขอพรของที่นี่เป็นหน้าของเท็งงุแบบ 3 มิติอย่างสวยงามเลยค่ะ (ยืมของเพื่อนมาถ่ายรูป อิอิ)

วิธีการก็คือให้เขียนคำอธิฐานกับชื่อของตัวเอง แล้วเอามาแขวนไว้ตรงนี้ค่ะ

ข้างๆ ศาลเจ้าเล็กๆ มีบันไดขึ้นไปยังจุดชมวิวด้วยนะคะ ถ้าฟ้าเปิดก็จะมองเห็นไปถึงทะเลสาบที่อยู่รอบๆ ฟูจิและเมืองด้านล่างเลย

แต่ตอนที่เราขึ้นไปเห็นแต่เมฆหมอก –“

Hinode Observatory Deck
(富士山五合目展望広場)

เดินจากศาลเจ้ามาอีกหน่อยก็จะมีจุดชมวิวที่สามารถถ่ายรูปฟูจิได้มุมกว้างขึ้นนะคะ มาช่วงใกล้เที่ยง พระอาทิตย์ก็ยิ้มแฉ่ง เกือบกลางเหม่ง ต้องหยีตาชมกันหน่อย ตอนอยู่ข้างล่างโดนเมฆบังมิด แต่ขึ้นมาบนนี้ได้เห็นชัดๆ แจ่มๆ เลย ฟ้าก็สีเข้มสวยเลย

จะบอกว่าที่จริงแล้วฟูจิยังเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับนะคะ โดยครั้งที่ประทุล่าสุดคือเมื่อประมาณ 300 ก่อน (กลัวซะที่ไหน 555)

และเราก็ขอลากันไปด้วยวิวทะเลหมอกขานั่งรถลงไปนะคะ

ส่งท้าย

จริงๆ แล้วแอดมินมีโอกาสมาเที่ยวคาวากุจิโกะ 2 รอบแล้ว (ทริปนี้เป็นรอบที่ 3 โหะๆ) การได้ขึ้นมาชมภูเขาไฟฟูจิแบบใกล้ชิด ณ สถานีที่ 5 เส้นทางสายฟูจิสุบารุ (Fuji Subaru Line 5th Station) แห่งนี้ ก็ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ที่ดีค่ะ ได้ชมฟูจิแบบทั้งไกลและใกล้เลย และใครอยากชมรีวิวเที่ยวแถบคาวากุจิโกะอื่นๆ สามารถดูได้จากลิงก์ท้ายบทความนี้เลยนะคะ มีอีกเพียบเลยค่า