สวัสดีค่า จากบทความก่อนหน้านี้ที่แอดมินได้แนะนำวิธีเตรียมตัวสำหรับคนที่อยากเช่ารถขับที่ญี่ปุ่นไปแล้ว วันนี้ก็มาถึงบทความรีวิวที่เราจะลงมือเช่ารถกันจริงๆ กันนะคะ โดยแอดมินจะอธิบายตั้งแต่การจองรถเช่าในญี่ปุ่นผ่านระบบออนไลน์ รวมถึงการรับ-ส่งคืนรถ การใช้งาน GPS ในรถ ไปจนถึงการรีวิวการขับรถเที่ยวญี่ปุ่น และแถมด้วยเรื่องเล่าฮาๆ เปิ่นๆ ของแก็งค์สาวๆ ที่ขับรถเที่ยวครั้งแรก ว่าแล้วก็ไปชมกันเลยค่า~
รีวิวการจองรถเช่าในญี่ปุ่น
ปัจจุบัน บริษัทรถเช่าสำหรับขับเที่ยวญี่ปุ่นนั้นมีบริการรับจองทางออนไลน์ ทำให้การจองง่ายขึ้นมาก ซึ่งหลายๆ บริษัทก็ทำเว็บไซต์ที่รองรับภาษาอังกฤษแล้ว และบางบริษัทก็ยังรองรับภาษาไทยอีกด้วยนะคะ
ส่วนตัวแอดมินเลือกเช่าของบริษัท Orix Rent a Car ค่ะ ซึ่งได้รับคำแนะนำจากเพื่อนว่าเช่าที่โอกินาว่าราคาไม่แพง จึงลองใช้บริการดูค่ะ สำหรับคนที่อยากหาตัวเลือกอื่นๆ ก็มีอีกมากมายทั้ง Toyota Rent a Car, Nissan Rent a Car, Honda Rent a Car เป็นต้น
การจองรถเช่าผ่านระบบออนไลน์
ในบทความนี้จะเป็นตัวอย่างขั้นตอนการจองรถเช่าทางออนไลน์กับ บริษัท Orix Rent a Car นะคะ อย่างแรกควรลงทะเบียนเป็นสมาชิกของเว็บไซต์ก่อน เพื่อความสะดวกแก่การเก็บข้อมูลในการจองค่ะ ข้อมูลที่ใช้ในการลงทะเบียน คือ อีเมล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์ (กรณีที่ต้องใช้ที่อยู่หรือเบอร์ภายในประเทศให้ใช้ของโรงแรมไปเลยค่ะ)
จากรูปข้างต้น เป็นหน้าต่างสำหรับการล็อคอินค่ะ สำหรับผู้ลงทะเบีนใหม่ให้กดปุ่ม “Signup” แล้วกรอกข้อมูล จากนั้นรอรับอีเมลล์ยืนยันการสมัครได้เลยค่ะ เมื่ออยู่ในสถานะ “Login” แล้ว จากนั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนการจองตามลำดับด้านล่างนะคะ
1. เลือกจุดรับ-ส่งคืนรถ, เวลารับ-ส่งรถ, ประเภทรถ
เลือกประเภทรถ เช่น COMPACT, SEDAN, ECO/EV, RV/MINI VAN, WAGON, VAN/MINI CARGO ให้คลิกที่รูปรถตามประเภทที่ต้องการ แต่สำหรับคนที่ไม่อยากเลือก หรือเลือกไม่เป็นก็ให้คลิกเป็นเลือกอัตโนมัติ ปุ่มแดงๆ ที่มีคำว่า “Click” ตรง Automated Selection ในภาพที่ด้านล่างค่ะ
2. เลือกรายละเอียดรถ
เมื่อคลิกเข้าไปตามรูปประเภทรถที่เราเลือกแล้ว จะขึ้นรายละเอียดของรถและราคาให้เราตรวจสอบรายละเอียดค่ะ จะจองคันไหนก็คลิก “Select”
3. เลือก Option เสริม
หน้าต่างต่อมาเป็น Option เสริมที่เราต้องเลือกค่ะ อาทิ ผู้นั่งจำนวนกี่คนมีเด็กนั่งด้วยหรือมั้ย ต้องการใช้ Child Seat หรือไม่ (มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม) ต้องการเครื่องอ่านบัตร ETC หรือไม่ ต้องการประกันอุบัติเหตุหรือไม่ รวมไปถึงต้องการระบุหมายเลขเที่ยวบินของเราด้วยหรือไม่ (ระบุไว้ก็ดีเผื่อเครื่องดีเลย์หรือเกิดปัญหา) และต้องกรอกเบอร์โทรที่ติดต่อได้และกรอกชื่อโรงแรมให้เขาด้วยค่ะ
4. ตรวจสอบการจอง
หน้าสุดท้ายจะแสงรายละเอียดการจองทั้งหมดของเราเพื่อตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง กด “Next” ก็ถือว่าเสร็จเรียบร้อยรอรับรถวันจริงได้เลยค่ะ
ในส่วนของการจองรถก็จบไปด้วยประการละฉะนี้ ง่ายๆ ไม่ยากค่ะ แต่อย่างไรก็ตามขอให้ศึกษาเรื่องค่าปรับที่ต้องจ่ายหากยกเลิกภายในระยะเวลากระชั้นชิดด้วยนะคะ เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินทำให้ไปรับรถไม่ได้ เช่น แอดมินที่ไปรับรถไม่ได้เพราะติดใต้ฝุ่น เปลี่ยนไฟลต์บินไปอีกวัน ยกเลิกแทบไม่ทัน
การรับรถช่า
วิธีการรับรถนั้นง่ายแสนง่ายค่ะ เพียงแค่ไปที่สำนักงานที่เราได้ระบุเอาไว้ว่าจะรับรถตามเวลานัด เช่น แอดมมินจะรับรถ 8:00 น. ก็ไปตามเวลานัด จากนั้นแสดงหมายเลขการจองต่อพนักงานตรงเคาท์เตอร์ ซึ่งมีพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษได้ค่ะ จากนั้นก็ยื่นใบขับขี่สากล และพาสปอร์ตเพื่อให้เขาถ่ายสำเนาเอาไว้ ส่วนเอกสารคู่มือรถ แจ้งเขาว่าขอเป็นภาษาอังกฤษค่ะ แล้วทางบริษัทจะจัดการให้ เมื่อคุยเรื่องเอกสารเสร็จ ก็จ่ายเงินก่อนเลยค่ะ
หมายเหตุ: เงื่อนไขการชำระเงินขึ้นอยู่กับแต่ละสาขาค่ะ แม้ว่าจะเป็นบริษัทเดียวกันก็ตาม แอดมินเจอสาขาที่กำหนดว่าชาวต่างชาติต้องชำระด้วยบัตรเครดิตเท่านั้น ดังนั้นอย่างน้อยต้องมีคนที่พกบัตรเครดิตไปด้วยค่ะ หรือไม่ก็สอบถามตอนจองให้ชัดเจนว่าชำระด้วยเงินสดได้หรือไม่
เมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้วจะมีพนักงานพาเราไปตรวจสอบรถค่ะ ซึ่งรุ่นอาจจะไม่ตรงกับที่จอง แต่คุณสมบัติเป็นไปตามที่แจ้งไว้บนเว็บไซต์ค่ะ จากนั้นเขาจะอธิบายว่ามีรอยตรงไหนบ้าง ก็จะวงๆ เอาไว้บนเอกสาร ซึ่งจะเอาให้เราชุดหนึ่ง เขาเก็บไว้ชุดหนึ่งค่ะ พนักงานจะอธิบายเรื่อง เรื่องกฎจราจร ความปลอดภัย เรื่องจำกัดความเร็ว และน้ำมันที่ต้องเติมค่ะ จากนั้นจะมีคู่มือเล่มใหญ่ ให้เราพกติดรถเอาไว้สำหรับช่วยเหลือหากเราพบปัญหาค่ะ
การคืนรถเช่า
การคืนรถง่ายยิ่งกว่าการรับรถค่ะ แต่อย่าลืมเติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนส่งกลับนะคะ ขับไปจอดหน้าสำนักงาน พนักงานจะเข้ามาตรวจสอบรอบรถ ตรวจระดับน้ำมัน และตรวจเอกสารที่เขาให้เราเอาไว้ตอนรับรถค่ะ อีกอย่างที่สำคัญมากคือต้องเก็บขยะให้เรียบร้อย ก่อนลงรถต้องตรวจสอบว่าไม่ลืมอะไรอะไรไว้ด้วยนะคะ
หมายเหตุ: การคืนรถสาขาอื่นๆ ที่ไม่ใช่สาขาที่รับรถมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
การใช้ GPS ในรถ
แอดมินขอแนะนำการใช้ GPS ในรถ แทน Google Map ในเมื่อของมีให้ใช้ก็ต้องใช้ค่ะ หลายคนอาจจะขยาดกับ GPS ที่มีแต่ภาษาญี่ปุ่นค่ะ แต่จริงๆ แล้วมันมีข้อดีข้อเสียเช่นเดียวกับ GPS ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้
การเปลี่ยนภาษาญี่ปุ่น ➝ ภาษาอังกฤษ
การเปลี่ยนภาษาในที่นี้หมายถึงถึงภาษาที่ GPS พูดและตัวอักษรที่ขึ้นบนหน้าจอค่ะ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีแป้นพิมพ์ภาษาอังกฤษให้พิมพ์อยู่ดี (รถรุ่นใหม่หรือตัวท็อปอาจจะมีนะคะ) แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ เรายังสามารถใช้งานได้ค่ะ
การค้นหาด้วยเบอร์โทรศัพท์แทนที่ชื่อสถานที่หรือที่อยู่
ถ้าใช้งานแป้นพิมพ์ภาษาอังกฤษไม่ได้ เราก็กรอกเบอร์โทรศัพท์ของสถานที่ลงไปค่ะ แล้วจะขึ้นพิกัดให้เราเลือกเลย พอเจอแบบนี้แล้วก็รักเจ้า GPS ขึ้นมาอีกหน่อย เรียกว่าสะดวกสบายดีค่ะ ทว่าสถานที่ที่อยู่ในป่าลึกมากๆ ที่ไม่ได้ลงทะเบียนเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ เจ้าเครื่องนี้ก็หาพิกัดไม่ได้เหมือนกันค่ะ ในส่วนนี้ต้องใช้ Google Map (แต่อาจได้ใช้แบบ Offline แทน เพราะแถบป่าลึกอาจไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต –“)
หลังจากใช้งาน (แบบทะเลาะตบตีกัน) มา 2-3 วันจนเราเริ่มคล่อง และเมื่อพบเจอกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน เรารักมันขึ้นอีกมากโขค่ะ จนค้นพบข้อดีมากมายของ GPS ที่ติดมากับรถ ได้แก่
- สามารถบอกสถานการณ์ปัจจุบันของสภาพการจราจรและถนนได้ละเอียดมากกว่า อาทิ ถนนสายนี้ตอนนี้ปิดการใช้งาน (แอดมินเจอมา 2 รอบ) อีกกี่กิโลเมตรข้างหน้ามีการจราจรติดขัด เป็นต้น
- สามารถบอกทางข้ามรถไฟ บอกสี่แยก รวมไปถึงบอกจุด ชำระค่าธรรมเนียมทางด่วนอีกด้วย
- บอกเส้นทางไวกว่า GPS จาก Google บอกระยะทุกๆ 50 เมตรเลยก็ว่าได้
ที่ชอบมาคือมีการแยกเส้นทางถนนแบบต่างๆ ด้วยสี เช่น ทางด่วนแทนด้วยสีฟ้า ทางธรรมดาแทนด้วยสีเหลือง หากมีทางด่วนสองเส้นทางจะแทนอีกเส้นทางหนึ่งด้วยสีชมพู
สิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยทางเป็นอย่างดี แนะนำให้ใช้ GPS ในรถเช่าค่ะ การใช้งานตอนเริ่มต้นอาจจะยากไปบ้างเพราะเราไม่คุ้นเคย แต่พอลองได้ใช้จะติดใจเหมือนแอดมินนะจ๊ะ
รีวิวการขับรถเที่ยวญี่ปุ่น
และแล้วเราก็มาถึงหัวข้อสุดท้ายซึ่งก็คือรีวิวการขับรถเที่ยวญี่ปุ่น แอดมินเจออะไรมาบ้าง? มีข้อดีอย่างไร? เราจะขอเมาส์มอยหอยสังข์กันสักนิด
ประสบการณ์ขับรถเที่ยว
ส่วนตัวแอดมินเองได้เที่ยวญี่ปุ่นโดยการเช่ารถขับเป็นครั้งแรกค่ะ มีอะไรป้ำๆ เป๋อๆ เหมือนกัน แต่ก็กลายเป็นสีสันของทริปนี้ไม่น้อยค่ะ อาทิ คนไม่เคยขึ้นทางด่วนอ่ะเน๊อะ จ่ายค่าทางด่วนไม่เป็น เข้าผิดช่อง พี่พนักงานเขาต้องมาช่วยแนะนำให้ยกใหญ่ หรือเรื่องตลกอย่าง คนขับตัวเล็กเอื้อมไปหยิบบัตรที่เครื่องอัตโนมัติไม่ถึง เครื่องร้องอยู่นานจนต้องลงรถไปหยิบบ้าง
ไหนจะขับรถเลย ลงทางด่วนผิดจุด บุกป่าฝ่าดง เจอถนนที่เขาปิดเพราะพายุ ถนนดินถล่ม ต้องลัดทุ่งนาชาวบ้านชาวช่องด้วยรถคันเล็กๆ ของพวกเรา แล้วยังจะมาตกม้าตายด้วยการเติมน้ำมันไม่เป็นอีก (เราคิดว่าต่างประเทศเขาเติมน้ำมันเองเหมือนกันหมด) คือเราก็งงว่าทำไมพนักงานถึงบอกว่าเติมแก๊สโซลีนธรรมดา ไม่บอก 91 หรือ 95 งี้ ซึ่งที่ญี่ปุ่นจะเรียกประเภทน้ำมันแต่ละแบบกันว่า…
- “レギュラー (Regular)” = แก๊สโซลีน 91
- “ハイオク(High Octane)” = แก๊สโซลีน 95
- “軽油 (Diesel)” = ดีเซล
หมายเหตุ: จะมีป้ายสีตามด้านบนนี้ติดอยู่ที่หัวจ่าย
เราเลยถามลุงที่ปั๊มไปว่า “รถหนูเติมน้ำมันอะไรคะ?” “เติมแก๊สโซลีนได้มั้ยคะ?” คนทำเขาก็หัวเราะแล้วบอก “เดี๋ยวลุงจัดการให้” (ใจดีจริงๆ) ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีมากๆ การขับรถในบ้านเมืองที่เราไม่รู้จัก ทำให้ประสาทสัมผัส การระมัดระวังตัวของเราตื่นตัว ตื่นเต้นตลอดเวลา
ข้อดีของการเช่ารถขับเที่ยวญี่ปุ่น
ไม่ต้องเสียเวลารอรถ
เราไม่ต้องนั่งรถไฟหรือรถบัสที่นานๆ จะมาซักคัน โดยเฉพาะแถบต่างจังหวัดที่คนส่วนใหญ่ยังนิยมใช้รถยนต์กันโดยทั่วไป แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็นิยมเช่ารถเที่ยวเช่นกัน เพราะรถไฟสะดวกเพียงแต่ในตัวเมืองเท่านั้น แต่หากจะชมธรรมชาติ หรือสถานที่ Unseen ที่คนยังไม่เยอะมากก็ต้องใช้รถยนต์ค่ะ
ขับรถข้ามจังหวัดนั้นง่ายกว่าที่คิด
ไม่เกินไปเลยที่จะบอกแบบนี้ เพียงแค่ขับออกจากเมืองประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงก็ข้ามไปถึงอีกจังหวัดหนึ่งแล้วค่ะ บางจังหวัดขับไม่ถึง 200 กม.ด้วยซ้ำ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ไม่ใหญ่มาก การขับรถข้ามแต่ละจังหวัดจึงใช้เวลาไม่มากเหมือนเมืองไทย ดังนั้นการขับรถเที่ยวหลายๆ จังหวัด แล้วค่อยคืนรถที่จังหวัดปลายทางก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก เพราะไม่ต้องเสียเวลาขับรถกลับไปคืนที่เดิม ซึ่งจะทำให้เสียเวลาไปเยอะเหมือนกันค่ะ
ชมทิวทัศน์ที่จะได้เห็นเฉพาะการขับรถเท่านั้น
เรียกได้ว่าการทำถนนหนทางของญี่ปุ่นนั้นเอื้ออำนวยต่อการชมวิวทิวทัทัศน์สองข้างทางเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทางด่วนที่เราจะได้วิ่งบนถนนลอยฟ้า ผ่านอุโมงค์บนเขาสูงจะทำให้เราเห็นทิวเขาสุดลูกหูลูกตาจนไม่กล้าหลับระหว่างที่เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ร่วงที่จะเห็นต้นไม้บนภูเขาเปลี่ยนสีทั้งหมด ช่วงฤดูหนาวที่จะได้เห็นวิวหิมะบนภูเขาสลับซับซ้อน เป็นวิวที่หาไม่ได้ง่ายๆ จริงๆ
เฮฮากับเดอะแก๊งค์ได้แบบเต็มที่
เนื่องจากว่าประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับมารยาทในที่สาธารณะอย่างมาก เวลาอยู่ข้างนอกทุกคนจึงค่อนข้างเงียบ (ไม่นับเด็กๆ มัธยมทั้งหลาย) แต่การขับรถเที่ยวกับเพื่อนคือเอ็นจอบได้ตลอดทาง จุดพักรถก็วิวสวย อาหารก็อร่อย เป็นการผจญภัยอีกแบบหนึ่งเลยก็ว่าได้ค่ะ
เห็นข้อดีแบบนี้แล้ว ถ้ามีเดอะแก๊งค์ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกันอีก แอดมินก็อยากเช่ารถขับเที่ยวอีกนะคะ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะคะ ว่าจะเลือกเที่ยวโดยการเช่ารถขับดีไหม และมีเรื่องอะไรที่ต้องระวังบ้าง สำหรับวันนี้ขอฝากเอาไว้เพียงเท่านี้ สวัสดีค่า
ค้นหาโรงแรมที่พักในญี่ปุ่น
บทความเกี่ยวกับการเดินทาง ดูทั้งหมด »
รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com