สวัสดีค่า วันนี้เราจะพาไปเที่ยวสถานที่สำคัญของโตเกียว (Tokyo) ที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ไม่ว่าจะมาเที่ยวเองหรือมากับทัวร์ค่ะ ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ว่านี้ก็คือ วัดอาซากุสะ (Asakusa) หรือ วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) นั่นเอง!
เกี่ยวกับวัดอาซากุสะ / วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple)
วัดอาซากุสะ หรือ วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple / 浅草寺) เป็นหนึ่งในวัดพุทธชื่อดังของญี่ปุ่นที่มีประวัติยาวนานและเป็นวัดที่มีความเก่าแก่ที่สุดในกรุงโตเกียว โดยสร้างเมื่อประมาณปี ค.ศ. 628
ตามตำนานเริ่มจากการที่ชาวประมงสองพี่น้องซึ่งจะออกหาปลาทุกวันที่แม่น้ำสุมิดะ (Sumida River) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ตั้งของวัด แต่แล้ววันหนึ่งทั้งสองพี่น้องก็จับปลาไม่ได้สักตัว จึงได้อธิษฐานขอกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้จับปลาได้ พอลองทอดแหดู กลับได้มาเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมทองคำสูงประมาณ 5 นิ้วแทน ทั้งสองจึงได้นำกลับมาที่หมู่บ้าน
เมื่อหัวหน้าของหมู่บ้านได้ทราบเรื่อง ก็ได้ปรับปรุงบ้านของตนแล้วสร้างเป็นวัดเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิมเพื่อให้คนได้มาสักการะบูชา เนื่องจากสิ่งที่ขอพรมักจะเป็นจริงอยู่เสมอ จึงมีผู้คนจากทั่วสาระทิศเดินทางมาเพื่อสักการะองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมนี้
เว็บไซต์:
senso-ji.jp (ภาษาญี่ปุ่น)
ค่าเข้าชม:
ไม่มีค่าเข้าชม
เวลาทำการ:
- อาคารหลักวัดอาซากุสะเปิด 6:00 – 17:00 น. (ช่วงตุลาคม – มีนาคม เปิด 6:30 น.)
- ร้านค้าทางเข้าวัดเปิดประมาณ 9:00-19:00 น.
วิธีการเดินทางมายังวัดอาซากุสะ
- นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Ginza มาลงที่สถานี Asakusa (เดินประมาณ 1 นาที) [ดูแผนที่]
- นั่งรถไฟใต้ดิน Toei สาย Asakusa มาลงที่สถานี Asakusa (เดินประมาณ 1 นาที) [ดูแผนที่]
- นั่งรถไฟสาย Tobu SKYTREE มาลงที่สถานี Tobu Asakusa (เดินประมาณ 5 นาที) [ดูแผนที่]
รีวิวเที่ยววัดอาซากุสะ
วันนี้เรามายังย่านอาซากุสะด้วยรถไฟสาย Tobu SKYTREE จาก โตเกียวสกายทรี (TOKYO SKYTREE)ในรีวิวก่อนหน้านี้ โดยมาลงตรงชั้นที่ 2 ของห้าง Matsuya ค่ะ ใช้เวลาเดินทางเพียง 3 นาที (ค่าโดยสาร 150 เยน) ถ้าใครมาด้วยรถไฟใต้ดินสถานี Asakusa ก็ให้ออกที่ทางออกหมายเลข 3 จะอยู่ใกล้กับทางเข้าวัดที่สุดค่ะ
พอออกจากสถานี Tobu Asakusa ให้ลงมาชั้นล่างแล้วออกมาด้านหน้าห้าง Matsuya ถ้าจะมุ่งหน้าไปที่วัดอาซากุสะเลย ก็ให้ข้ามถนนไปทางขวามือ แต่วันนี้เราจะแวะไปเก็บภาพแลนด์มาร์คของย่านนี้ก่อนจึงข้ามถนนไปทางซ้ายก่อนค่ะ
ตรงจุดนี้จะเป็นสะพานสีแดงข้ามแม่น้ำสุมิดะซึ่งมีชื่อว่าอาซุมะบาชิ (Azumabashi Bridge) เป็นจุดถ่ายรูปที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวค่ะ เพราะสามารถเก็บภาพโตเกียวสกายทรีและอาคารแก้วเบียร์สีทองได้
โตเกียวสกายทรี (Tobu SKYTREE) และอาคารเบียร์อาซาฮี (Asahi)
อาคารเบียร์อาซาฮี (Asahi Beer Tower) นั้นเป็นอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทอาซาฮีซึ่งเป็นเบียร์ชื่อดังของญี่ปุ่น ด้านนอกตกแต่งด้วยกระจกสีทองเหมือนแก้วเบียร์ที่มีฟองด้านบน ส่วนอาคารสีดำที่เตี้ยกว่าซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ นั้นมีชื่อว่าซูเปอร์ดายฮอล์ (Super Dry Hall) เป็นอาคารที่ด้านบนมีเปลวไฟสีทอง (แต่คนญี่ปุ่นบางคนก็เรียกว่าอุนจิสีทอง -_-“)
เก็บภาพแลนมาร์คกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ไปที่วัดกันเลยค่ะ จากทางขึ้นสะพานแดงให้ข้ามถนนไปยังตรงข้าม (ฝั่งที่มีคนเดินเยอะๆ) ระหว่างทางก็เจอรถลากด้วย แต่เห็นราคาแล้วหนาวเลยค่ะ
ราคารถลากเริ่มต้นที่ 3,000 เยนไปจนถึง 32,500 เยนต่อคน ถ้าสองคนจะอยู่ที่ 4,000 (ตกคนละ 2,000 เยน) จนถึง 47,500 เยนต่อคน (ตกคนละ 23,750 เยน)
ตอนนี้เป็นเวลาประมาณเที่ยงวันของวันอาทิตย์และเป็นช่วงหยุดยาวของคนญี่ปุ่นด้วยค่ะ คนเยอะมากเลยทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนญี่ปุ่นเอง ถ้าไม่อยากเจอคนเยอะๆ ต้องมาแต่เช้าช่วงก่อน 9 โมงค่ะ แต่ร้านค้าแถวนี้ก็ยังไม่ค่อยเปิดกัน
เดินไหลตามคนไปเรื่อยๆ ก็เจอทางเข้าวัดที่มีโคมแดงยักษ์แล้วค่ะ ประตูนี้มีความสูง 11.4 เมตร เป็นทางเข้าหลักซึ่งมีชื่อเรียกว่า “ประตูคามินาริมง (Kaminarimon Gate)” เป็นจุดที่ห้ามพลาดในการเก็บภาพเลย คนเยอะมากอาจจะถ่ายรูปกันลำบากเล็กน้อยแถมแดดยังแรง ก็ตาหยีกันไป เอิ๊กๆ
ตัวอักษรญี่ปุ่น 雷 ที่เขียนอยู่นั้นอ่านว่า Kaminari ซึ่งแปลว่าสายฟ้านั่นเอง
พอผ่านประตูสายฟ้ามาก็จะเจอกับ “ถนนนากามิเสะ (์Nakamise Shopping Street)” ที่มีความยาวประมาณ 250 เมตร ทอดยาวไปยังตัววัด สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าทั้งร้านขายของที่ระลึกและร้านขนม แนะนำว่าถ้าพอมีเวลาและจะซื้อของฝากให้ลองเดินสำรวจของและราคาไปก่อน แล้วค่อยมาซื้อตอนขากลับออกมาก็ได้ เพราะบางร้านก็ขายราคาไม่เท่ากันค่ะ
ก่อนถึงประตูชั้นที่สอง ก็จะมีร้านค้าเป็นอารมณ์ตามงานวัด อาหารยอดฮิตก็หนีไม่พ้นน้ำแข็งไส, ยากิโทริ (ไก่ย่าง), คาราอาเกะ (ไก่ทอด), ยากิโซบะ
เมื่อเดินพ้นถนนนากามิเสะมาก็จะเจอกับประตูใหญ่ชั้นที่สองก่อนเข้าวัดอาซากุสะค่ะ ประตูนี้มีชื่อว่า “โฮโซมง (Hozomon Gate)” ซึ่งมีความหมายว่า “ประตูคลังสมบัติ” มีความสูงถึง 22.7 เมตร ซึ่งสูงกว่าประตูแรกเกือบเท่านึงเลยค่ะ
พอรอดประตูมาก็เป็นบริเวณวัดค่ะ ถ้าหันไปทางด้านซ้ายมือของเราก็จะเจอกับเจดีย์ห้าชั้น ส่วนทางขวามือสามารถมองเห็นโตเกียวสกายทรีได้
โตเกียวสกายทรี (Tokyo SKYTREE)
ตรงศาลาที่เขียวว่า “みくじ (Mikuji)” นั้นคือที่เสี่ยงเซียมซีค่ะ คำทำนายมีเป็นภาษาอังกฤษด้วย ลองไปเสี่ยงทายดูได้นะคะ ถ้าได้ใบที่ไม่ดีก็ให้เอามาผูกไว้ตรงเสาที่เตรียมไว้ให้ค่ะ
ตรงหน้าศาลาหลักของวัดมีกระถางธูปอยู่ จุดนี้ให้เอามือโบกควันธูปเข้าตัวเพื่อความเป็นศิริมงคลค่ะ (เอาแบบพอประมาณ เดี๋ยวจะตัวเหม็นไปทั้งวัน)
ตรงศาลาด้านขวามือของกระถางธูปเป็นจุดสำหรับตักน้ำชำระร่างกายค่ะ วิธีการก็คือ ใช้กระบวยตักน้ำล้างมือซ้าย → ล้างมือขวา → ล้างปาก → ล้างมือซ้าย → ล้างกระบวย
ส่วนศาลาที่เขียนว่า “お礼 お守り (Orei Omamori)” ซึ่งอยู่ด้านซ้ายมือของอาคารหลักของวัดคือร้านขายเครื่องรางค่ะ มีให้เลือกหลายแบบเลย
อาคารหลักนี้คือที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิมค่ะ วันนี้คนเยอะมากก็เลยต้องต่อแถวกันยาวจากด้านล่างเลยค่ะ
ตอนขากลับเราออกมาทางด้านซ้ายมือของอาคารหลักแทนนะคะ เนื่องจากไม่อยากไปเดินเบียดกับคนตรงถนนนากามิเสะ แล้วทางนี้ก็ยังไม่เคยมาด้วยค่ะ จึงอยากลองไปเดินสำรวจดูหน่อย
ปรากฏว่าคนก็เยอะเหมือนกัน แต่ด้านฝั่งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนญี่ปุ่นมานั่งดื่มเบียร์กินอาหารกันเสียเยอะกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินไปเรื่อยๆ ก็จะมาทะลุที่ถนนใหญ่ค่ะ
นอกจากนี้แล้ว ใกล้ๆ กับวัดยังมีถนนให้ได้ช้อปปิ้งกันต่ออีกนะคะ คือ ถนนชินนากามิเสะ (Shin-Nakamise Shopping Street) ถนนนี้จะไปตัดกับถนนนากามิเสะที่ตรงเข้าวัดอาซากุสะด้วย สังเกตได้ง่ายจากหลังคาด้านบนค่ะ
สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากรับชมการท่องเที่ยววัดอาซากุสะหรือวัดเซนโซจิแบบภาพและเสียง เราก็มีคลิปวิดีโอจากแอดมิน Poi มาฝากด้วยค่ะ สามารถรับชมได้เลยนะคะ
ส่วนใครที่อยากชมรีวิวการเช่าชุดกิโมโนที่อาซากุสะ สามารถเข้าไปที่บทความนี้ได้เลยค่ะ » [รีวิว] เช่ากิโมโนญี่ปุ่นเดินเล่นที่วัดอาซากุสะ (Asakusa Sensoji Temple) ในโตเกียว
วันนี้ก็พาเที่ยวย่านอาซากุสะกันอิ่มเลย เที่ยวหน้าจะพาไปย่านไหนในโตเกียวกันต่อ รอติดตามชมนะคะ สำหรับวันนี้สวัสดีค่า
ค้นหาและเทียบราคาที่พักในโตเกียว
บทความเที่ยวโตเกียว
- คู่มือเที่ยวโตเกียว (Tokyo) แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวโตเกียวสุดฮิต
- วิธีการดูแผนที่รถไฟในโตเกียว & การเที่ยวโตเกียว ขึ้นรถไฟไม่ให้ผิดสาย
- JR TOKYO Wide Pass บัตรรถไฟเที่ยวรอบโตเกียวสุดคุ้มใน 3 วัน
› การเดินทาง
- สนามบินนาริตะ (Narita Airport) และวิธีเดินทางเข้าเมืองโตเกียว
- สนามบินฮาเนดะ (Haneda Airport) และวิธีเดินทางเข้าเมืองโตเกียว
- [รีวิว] สายการบิน ANA กรุงเทพ (BKK) – โตเกียว (NRT)
- [รีวิว] สายการบิน Thai Airways กรุงเทพ (BKK) – โตเกียว (NRT)
- [รีวิว] สายการบิน Japan Airlines กรุงเทพ (BKK) – โตเกียว (HND)
- [รีวิว] Keisei Skyliner เดินทางจากสนามบินนาริตะเข้าเมืองโตเกียว
› เที่ยวจุดชมวิวและสวนสาธารณะ
- [รีวิว] โตเกียวสกายทรี (TOKYO SKYTREE) + TOKYO Solamachi
- [รีวิว] สวนอุเอโนะ (Ueno Park) เที่ยวสวนสาธารณะแห่งวัฒนธรรม
- [รีวิว] สวนอุเอโนะ (Ueno Park) ชมอุโมงค์ซากุระที่สวนใจกลางโตเกียว
- [รีวิว] สวนชินจูกุเกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) ช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง
- [รีวิว] สวนชินจูกุ เกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) ชมซากุระแรกแย้ม
- [รีวิว] สวนจิโดริกะฟุจิ (Chidorigafuchi Park) ชมซากุระริมโค้งน้ำ
- [รีวิว] สวนสุมิดะ (Sumida Park) ชมซากุระที่สวนเลียบแม่น้ำ
- [รีวิว] เที่ยวโตเกียวกลางคืน ชมสีสันของแสงไฟในยามค่ำ
› เที่ยววัดและศาลเจ้า
- [รีวิว] ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine / Meiji Jingu) ที่ย่านฮาราจูกุ
- [รีวิว] วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) วัดอาซากุสะชื่อดังของโตเกียว
- [รีวิว] ศาลเจ้าคาเมโดะ เท็นจิน (Kameido Tenjin Shrine) ชมดอกวิสทีเรีย
- [รีวิว] ศาลเจ้าเนซุ (Nezu Shrine) ชมดอกอาซาเลียหลากสี
- [รีวิว] ศาลเจ้ายาสุกุนิ (Yasukuni Shrine) ชมซากุระที่ศาลเจ้าเก่าแก่
› เที่ยวแหล่งช้อปปิ้ง
- [รีวิว] ตลาดอะเมโยโกะ (Ameyoko Market) เที่ยวแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมย่านอุเอโนะ
- [รีวิว] ยานากะกินซ่า (Yanaka Ginza) เที่ยวย่านช้อปปิ้งเก๋ๆ ในใจกลางโตเกียว
- [รีวิว] จิยูกาโอกะ (Jiyugaoka) เดินเที่ยวชิลๆ แวะชิมของหวานที่ Sweets Forest
› เที่ยวสวนสนุก
รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com