เมื่อพูดถึงประเทศญี่ปุ่น หลายท่านคงนึกถึงซากุระเป็นลำดับแรกๆ แท้จริงแล้วประเทศญี่ปุ่นมีดอกไม้นานาชนิดให้เราได้ชมกับทุกพื้นที่ทุกจังหวัดเลยก็ว่าได้ค่ะ วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปดอกดาห์เลียกันที่สวนดอกดาห์เลียนานาชาติอาคิตะ (Akita International Dahlia Garden) ในจังหวัดอาคิตะ (Akita) กันค่ะ

พื้นที่ของจังหวัดนี้ประกอบไปด้วยทิวเขาสลับซับซ้อน จึงมีอากาศเย็น ทำให้เราได้ชมทิวทัศน์หลายๆ อย่างที่ไม่เคยเห็นในภูมิภาคอื่นๆ ตั้งแต่เที่ยวประเทศญี่ปุ่นมาหลายรอบ นี่เป็นครั้งแรกที่แอดมินจะได้เที่ยวสวนดอกดาห์เลีย ตื่นเต้นมากเลยค่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปเที่ยวด้วยกันได้ในบทความนี้นะคะ

เกี่ยวกับสวน Akita International Dahlia Garden

สวนดาห์เลียนานาชาติอาคิตะ (Akita International Dahlia Garden / 秋田国際ダリア園)

สาระและเกร็ดน่ารู้

สวนดาห์เลียนานาชาติอาคิตะ (Akita International Dahlia Garden / 秋田国際ダリア園) ตั้งอยู่ที่เมืองอาคิตะ (Akita City) ในจังหวัดอาคิตะ (Akita) เป็นสวนขนาดใหญ่ที่ปลูกดอกดาห์เลียประมาณ 7,000 ต้น 700 สายพันธุ์จากทั้งหมด 14 ประเทศ ได้รับการเพาะพันธุ์โดยคุณ Washizawa ซึ่งเป็นนักเพาะพันธุ์ดอกดาห์เลียชั้นนำของญี่ปุ่น

พื้นที่ส่วนใหญ่ของสวนประกอบด้วยแปลงดอกดาห์เลียหลากสีสัน และยังเป็นแอ่งที่มีภูเขาล้อมรอบ ทำให้สวนมีบรรยากาศสดชื่นอยู่เสมอ ภายในบริเวณสวนมีการจัดมุมสำหรับนั่งเล่นเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมดอกไม้แบบ 360 องศา นอกจากนี้บริเวณรอบๆ สวนยังมีร้านอาหาร โรงงานผลิตชีส ที่พักและอาคารพักผ่อนต่างๆ เอาไว้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

ข้อมูลการเยี่ยมชม

  • ฤดูกาลที่เปิดให้เข้าชม: กลางเดือนสิงหาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน (※ช่วงเวลาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง)
  • เวลาเปิด-ปิดสวน: 7:00 – 18:00 น. (※เวลาเปิดปิดอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน)
  • ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 400 เยน (※นักเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมต้นลงไป เข้าชมฟรี)

วิธีการเดินทาง

  • จากสนามบินอาคิตะ (Akita Airport) ใช้เวลาขับรถหรือนั่งแท็กซี่ประมาณ 7 นาที
  • จากสถานีรถไฟ Akita (รถไฟ JR และชินคันเซ็น) ใช้เวลาขับรถหรือนั่งแท็กซี่ประมาณ 30 นาที

※กรณีนั่งแท็กซี่ควรขอเบอร์แท็กซี่เพื่อเรียกรถขากลับด้วย

แนะนำพาสเที่ยวโทโฮคุ
Klook.com

รีวิวเที่ยวสวน Akita International Dahlia Garden

Akita International Dahlia Garden

เนื่องจากเราพักที่โรงแรมในตัวเมืองอาคิตะและได้เช่ารถขับ จึงออกจากโรงแรมแต่เช้า ใช้เวลาขับรถจากตัวเมืองประมาณ 30 นาที ค่อยๆ ขับมาเรื่อยๆ ตามแผนที่จนมาถึงหน้าสวน

เดินทางด้วยรถยนต์

ในวันที่เดินทาง วัดอุณหภูมิประมาณ 10 องศาปลายๆ และมีลมพัดตลอดเวลาค่ะ ในช่วงสายๆ แดดอุ่นๆ จะช่วยให้เราเดิมชมสวนท่ามกลางอากาศหนาวเย็นได้ดีทีเดียว สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่ได้ทานข้าวแนะนำว่าลองห่อข้าวมาทานด้วยจะดีมาก เพราะว่ามีบริเวณให้นั่งพักผ่อนหลายมุมเลยค่ะ

บัตรเข้าชมสวน

เมื่อมาถึงสวนแล้วก็ซื้อบัตรเข้าชมที่หน้าประตูทางเข้า ค่าเข้าสวน 400 เยนค่ะ เนื่องจากเราไปถึงค่อนข้างเร็วจึงได้เห็นคุณลุงคุณป้ากำลังเตรียมตัวดูแลสวนพอดี น่ารักมากๆ พอเดินเข้ามาภายในบริเวณสวนแล้วก็สามารถชมดอกไม้ได้ตามความสนใจเลยค่ะ

ตอนแรกเราไม่รู้จักดอกดาห์เลีย พอเห็นแล้วคุ้นๆ สุดท้ายจึงได้ทราบว่ามันคือ “ดอกรักเร่” ในภาษาไทยนั่นเองค่ะ นับว่าเป็นดอกไม้ที่ไม่ค่อยพบเห็นนักในญี่ปุ่น

ดอกดาห์เลีย

โดยทั่วไปแล้วทั้งต้นดาห์เลียจะสูงประมาณเอวจนถึงอก ดอกจะใหญ่ประมาณกำปั้นคน มีสีสันหลากหลาย และรูปทรงแตกต่างกันไปตามแต่สายพันธุ์ ส่วนที่เราชอบมากๆ คือ ความยิ่งใหญ่ของดอก อลังการงานสร้างทุกสายพันธุ์ และมีสีสันแตกต่างกันออกไป จะโซนไหนมุมไหนก็น่าถ่ายรูปไปหมด ส่วนตัวชอบทรงกลมแบบนี้ค่ะ คล้ายกับพวงมาลัยที่จับกลีบดอกไม้

นั่งชิงช้ารับแดด

ถ้ามีชาอุ่นๆ อีกสักแก้วก็คงจะดีไม่น้อย

เดินจนเหนื่อยก็สามารถนั่งตากแดดรับความอบอุ่น ชมดอกไม้สวยๆ ได้กลางสวนเลยค่ะ ชิงช้านี้เป็นอีกมุมถ่ายรูปที่น่ารักมากๆ ถ้ามีชาอุ่นๆ อีกสักแก้วก็คงจะดีไม่น้อย วันที่เราไปคนยังไม่เยอะ จะถ่ายรูปนานแค่ไหนก็ได้ สำหรับสายถ่ายรูปหรือใครชอบใส่ชุดเดรสชมสวนเก๋ๆ เชิญทางนี้ได้เลย เหมาะมาก เราค่อนข้างชอบจุดนี้เป็นพิเศษ เพราะเป็นจุดที่อยู่ตรงกลางของสวน สามารถชมดอกไม้ได้แบบ 360 องศา มองไปทางภูเขาโดยรอบก็เห็นต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีรอบตัว สบายตามากๆ

จุดชมวิวด้านในสุดของสวน

อีกหนึ่งจุดชมวิวด้านในสุดของสวน บริเวณนี้จะมีเก้าอี้ให้เรานั่งชมดอกไม้ สามารถมองเห็นไปจนถึงด้านหน้าของสวนเลยค่ะ ส่วนนี้คนนิยมมาปิกนิก นั่งทานอาหารกันแบบชิลๆ ตามสไตล์คนญี่ปุ่นที่ชอบปิกนิกที่สวนในวันที่อากาศแจ่มใสค่ะ ส่วนตัวเองไม่ได้ห่อข้าวไปก็นั่งเมาส์กับเพื่อนๆ บ้าง ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศบ้าง ชอบที่สุดคือการได้นั่งชิลๆ ตากแดดนี่แหละค่ะ

Villa Flora

ชมด้านล่างของสวนกันจนเต็มอิ่มแล้วก็มาเดินเล่นรอบๆ กันบ้างค่ะ จากทางเข้าจะมีเส้นทางเดินรอบนอกสวนอยู่ด้านขวามือ โดยจะให้เดินเที่ยวตั้งแต่ด้านขวามือวนรอบพื้นที่บริเวณตรงกลางไปจนถึง Villa Flora ซึ่งเป็นอาคารสไตล์ยุโรปหลังคาสีแดงด้านบน ระยะทางประมาณ 500 – 700 เมตร

สวนดอกดาห์เลีย

สำหรับนักท่องเที่ยวที่พาครอบครัวทั้งเด็กและผู้สูงอายุมาด้วย นับว่าเป็นการออกกำลังกายที่ดีมากๆ และหากมองจากมุมด้านบนแบบนี้เราจะเห็นสวนดอกดาห์เลียอยู่ด้านล่าง มองไปจะเห็นอาคารอยู่ตรงเนินเขาไกลๆ ซึ่งเป็นจุดหมายที่เราจะเดินกันต่อไปนั่นเองค่ะ

ลูกพลับ

ระหว่างทางเดินชมรอบสวนก็เจอนี่ค่ะ ต้นลูกพลับ สิ่งที่ชอบมากในสวนนี้รองจากดอกไม้ก็คือต้นลูกพลับนี่แหละค่ะ เพราะว่าลูกดกมากกก มากถึงมากที่สุด ต้นลูกพลับตามไหล่เขากำลังสุกได้ที่น่าเก็บมากจริงๆ แต่ต้องอดใจไว้ จะไปเด็ดไม่ได้เลยนะคะ รวมถึงผลไม้ที่ขึ้นในพื้นสาธารณะก็ด้วยเช่นกัน

โดยเฉพาะในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ลูกพลับดกมาก เราจะเห็นต้นลูกพลับสองข้างทาง ตามทุ่งนา ตามป่าเขาเต็มไปหมด สุดท้ายจึงได้แต่ถ่ายรูปชื่นชมเงียบๆ แล้วไปหาซื้อตามร้านขายผลไม้แทน

ทางเดิน

หลังจากเดินกันอยู่ประมาณ 30 นาที เดิน 10 ก้าว ถ่ายรูป 10 รูป ไปกัน 3 คนก็ต้องถ่ายมุมเดียวกันให้ครบคน และอ้อยอิ่งอยู่กับต้นลูกพลับอีกหลายนาที ในที่สุดเราก็มาถึงศูนย์บริการการท่องเที่ยว Villa Flora ต้องเดินขึ้นเนินกันเล็กน้อย หอบอีกนิดหน่อย

แต่พอเดินไปถึงบ้านบน ก็พบว่าอาคารยังไม่เปิดจ้าาาา (เปิด 11:00 – 17:00 น.) น่าเสียดายค่ะ แต่ไม่เป็นไร เพราะว่าได้ชมวิวจากมุมสูงด้านบนแค่นี้ก็คุ้มค่าแล้ว และอีกอย่างที่พึ่งรู้ว่า สามารถนำรถขึ้นไปจอดด้านบนได้ด้วยนะ (แล้วจะเดินให้เหนื่อยกันทำม้ายยย) แต่ไม่ว่าอย่างไรแล้วก็เป็นการเดินที่สนุก มีแต่ความประทับใจในความสวยงามและมุมถ่ายรูปค่ะ

โรงงานผลิตชีส

เดินเที่ยวข้างในเรียบร้อยแล้วก็เดินลงเขากันมาถึงลานจอดรถ เห็นอาคาร 2-3 หลังอยู่ติดกับลานจอดรถที่ตอนแรกไม่ทันได้สังเกต อาคารแรกเป็นโรงงานผลิตชีส แม้จะเรียกว่าโรงงานแต่ภายนอกเหมือนบ้านสีขาวน่ารักๆ มากกว่า มองจากด้านนอกจะเห็นว่าภายในอาคารมีเครื่องไม้เครื่องมือครบครันทีเดียวค่ะ แต่ด้วยความที่ประตูปิดอยู่ เราจึงไม่ได้เดินเข้าไปสำรวจเพิ่มเติม

โซนร้านขายของ

ด้านขวามือของโรงงานทำชีสก็เป็นโซนร้านขายของ หรือร้านขายของทานเล่นอย่างซอฟต์ครีม เรียกได้ว่าเป็นของทานเล่นที่มีในทุกสถานที่ท่องเที่ยวของญี่ปุ่นก็ว่าได้ ช่วงฤดูร้อนก็จะขายดีเป็นพิเศษ ส่วนในช่วงอากาศหนาวแบบนี้คนก็จะน้อยจนดูเหงาไปนิดค่ะ

นอกจากโซนนี้แล้วก็ยังมีโซนเต็นท์ขายของของคนในท้องถิ่นที่จะมาเปิดร้านขายผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เป็นอีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ ซึ่งโซนเต็นท์ขายของจะอยู่ที่ลานจอดรถ แค่มาถึงลานจอดรถก็สามารถมองเห็นได้เลย

ส่งท้าย

การเดินเล่นรอบๆ สวนดอกดาห์เลียนานาชาติอาคิตะ (Akita International Dahlia Garden) ของแอดมินใช้เวลาประมาณ 1-1.5 ชั่วโมงค่ะ สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากมาเที่ยวที่สวนแห่งนี้ แนะนำให้มาช่วงเช้า แสงสวย อากาศดี คนไม่เยอะ ถ่ายรูปสะดวกค่ะ สำหรับวันนี้นี้ขอลากันไปเพียงเท่านี้ สวัสดีค่า

เทียบราคาโรงแรมที่พักในอาคิตะ


รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com