สวัสดีค่า วันนี้แอดฯ มีสถานที่ในญี่ปุ่นที่จะพลาดไม่ได้ในช่วงปีใหม่นี้มาแนะนำค่ะ ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่ท่องเที่ยว แต่ยังมีความเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ด้วยค่ะ เหมาะกับการไปสักการะขอพรช่วงปีใหม่เป็นอย่างยิ่ง ในบทความนี้เราได้รวบรวมรายชื่อ “วัดญี่ปุ่นและศาลเจ้าญี่ปุ่นยอดนิยมสำหรับการไปขอพรช่วงปีใหม่” มาฝากเพื่อนๆ ใครอยู่ใกล้วัดหรือศาลเจ้าไหน ก็อย่าลืมไปเช็คอินความเป็นสิริมงคลกันนะคะ

วัดและศาลเจ้าญี่ปุ่นยอดนิยมสำหรับท่องเที่ยวขอพรช่วงปีใหม่

1. ศาลเจ้าอิเสะ (Ise Shrine)

ศาลเจ้าอิเสะ (Ise Shrine / 伊勢神宮) ตั้งอยู่ที่เมืองอิเสะ (Ise) ในจังหวัดมิเอะ (Mie) เป็นศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และยังเป็นศาลเจ้าแห่งแรกของญี่ปุ่นอีกด้วย ศาลเจ้าแห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานของเทพ Amaterasu ซึ่งเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์และบรรพบุรุษของจักรพรรดิญี่ปุ่น ถือได้ว่าเป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงทั้งในหมู่คนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ศาลเจ้าที่ต้องมาสักการะให้ได้สักครั้งในชีวิต”

  • ค่าเข้าชม: ฟรี
  • การเดินทาง: จากสถานี Ise-shi เดินประมาณ 5 นาที จะถึงศาลเจ้าชั้นนอก (Geku) และสามารถนั่งรถบัสต่ออีกประมาณ 15 นาทีมายังศาลเจ้าชั้นใน (Naiku)
Izumo Taisha (出雲大社)

2. ศาลเจ้าอิซุโมะ ไทชะ (Izumo Taisha)

ศาลเจ้าอิซุโมะ ไทชะ (Izumo Taisha / 出雲大社) ตั้งอยู่ที่เมืองอิซุโมะ (Izumo) ในจังหวัดชิมาเนะ (Shimane) ถือเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น แม้ไม่ปรากฏปีการสร้างที่แน่นอน ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพโอกูนินูชิซึ่งเป็นเทพแห่งการสมรสและความรัก (ใครอยากขอพรเชิญทางนี้) ในส่วนของศาลาใหญ่และอาคารโดยรอบของศาลเจ้ายังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นอีกด้วย

  • ค่าเข้าชม: ฟรี
  • การเดินทาง: จากสถานี Izumotaisha-Mae เดินประมาณ 5 นาที
Itsukushima Shrine (嚴島神社)

3. ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ (Itsukushima Shrine)

ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ (Itsukushima Shrine / 嚴島神社) ตั้งอยู่บนเกาะอิสึกุชิมะ (Itsukushima Island) ในจังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima) เป็นศาลเจ้าที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ตั้งอยู่กลางน้ำ โดยมีเสาโทริอิสีแดงขนาดใหญ่ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมได้อย่างใกล้ชิดในช่วงน้ำลง ในอดีตถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ของเกาะและต้องลอดผ่านเสากลางน้ำก่อนจะขึ้นเกาะ ปัจจุบันศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO รวมถึงอาคารของศาลเจ้าหลายแห่งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นอีกด้วย

  • ค่าเข้าชม: 300 เยน
  • การเดินทาง: จากสถานี Miyajimaguchi ให้นั่งเรือเฟอร์รี่มาลงที่ท่าเรือ Miyajima แล้วเดินประมาณ 10 นาที
ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ ไทฉะ (Fushimi Inari Taisha)

4. ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ ไทฉะ (Fushimi Inari Taisha)

ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ ไทฉะ (Fushimi Inari Taisha / 伏見稲荷大社) หรือที่เรียกกันว่า “ศาลเจ้าเสาแดง” ตั้งอยู่ที่เมืองเกียวโต (Kyoto) เป็นศาลเจ้าชินโตที่สร้างขึ้นแด่อุทิศแด่เทพอินาริ เพื่อให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ในด้านกสิกรรม ภายในศาลเจ้ามีลักษณะเด่นอยู่ที่เสาโทริอิสีแดงสดนับร้อยเรียงรายกันตั้งแต่ด้านหน้าเขายาวประมาณ 4 กิโลเมตร ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมติดอันดับของเกียวโตเลยทีเดียว นอกจากนี้ก็เชื่อกันว่าสุนัขจิ้งจอกเป็นผู้ส่งสารของเทพอินาริ จึงมีรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกประดับอยู่ทั่วทั้งศาลเจ้า จนบางคนก็เรียกกันว่า “ศาลเจ้าจิ้งจอก” นั่นเอง

ศาลเจ้าดาไซฟุ เท็นมันกู (Dazaifu Tenmangu)

5. ศาลเจ้าดาไซฟุ เท็นมันกู (Dazaifu Tenmangu)

ศาลเจ้าดาไซฟุ เท็นมันกู (Dazaifu Tenmangu / 太宰府天満宮) ตั้งอยู่ที่เมืองซาไดฟุ (Dazaifu) ในจังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) เป็นศาลเจ้าที่โด่งดังในกลุ่มศาลเจ้าเท็นมันกู (Tenmangu) ที่มีความศรัทธาในวีรบุรุษ ตัวศาลเจ้าสร้างขึ้นในสมัยเฮอัน มีชื่อเสียงในด้านการขอพรเรื่องการศึกษาเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ บริเวณศาลเจ้ายังมีต้นดอกบ๊วยมากกว่า 6,000 ต้น ที่จะบานสะพรั่งในช่วงต้นปีประมาณกลางเดือนกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม

  • ค่าเข้าชม: ฟรี
  • การเดินทาง: จากสถานี Dazaifu เดินประมาณ 7 นาที
Meiji Jingu (明治神宮)

6. ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine)

ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine / 明治神宮) ตั้งอยู่ในย่านฮาราจูกุ (Harajuku) ในกรุงโตเกียว (Tokyo) เป็นศาลเจ้าชินโตที่มีขนาดพื้นที่กว้างขวางถึง 700,000 ตารางเมตร สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1920 เพื่อถวายแก่สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิและสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง ปัจจุบันเป็นเจ้าศาลที่ประชาชนนิยมไปสักการะ รวมทั้งยังเป็นสถานที่แต่งงานแบบชินโตอีกด้วย

ศาลเจ้าสึรุงะโอกะ ฮาจิมังกู (Tsurugaoka Hachimangu)

7. ศาลเจ้าสึรุงะโอกะ ฮาจิมังกู (Tsurugaoka Hachimangu)

ศาลเจ้าสึรุงะโอกะ ฮาจิมังกู (Tsurugaoka Hachimangu / 鶴岡八幡宮) เป็นศาลเจ้าชินโตที่มีความสำคัญอย่างมากในเมืองคามาคุระ (Kamakura) สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1063 ในสมัยคามาคุระหรือยุคเริ่มต้นการปกครองของโชกุน เพื่อบูชาแก่เทพเจ้าแห่งการสู้รบ ตัวอาคารของศาลเจ้ามีลักษณะโดดเด่นด้วยสีแดงสด ตัดกับภูมิทัศน์ของต้นไม้โดยรอบ

  • ค่าเข้าชม: ฟรี
  • การเดินทาง: จากสถานี Kamakura เดินประมาณ 10 นาที
Naritasan Shinshoji Temple Great Main Hall

8. วัดนาริตะซัน ชินโชจิ (Naritasan Shinshoji Temple)

วัดนาริตะซัน ชินโชจิ (Naritasan Shinshoji Temple / 成田山新勝寺) ตั้งอยู่ที่เมืองนาริตะ (Narita) ในจังหวัดชิบะ (Chiba) เป็นวัดพุทธนิกายชินงอน (Shingon) ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี มีชื่อเสียงทั้งให้หมู่คนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยสามารถเดินทางจากสนามบินนาริตะด้วยรถไฟเพียงแค่ 10 -15 นาทีเท่านั้น

วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple)

9. วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple)

วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple / 浅草寺) หรือเป็นที่รู้จักกันว่า “วัดอาซากุสะ” หรือ “วัดโคมแดง” ตั้งอยู่ที่ย่านอาซากุสะ (Asakusa) ในกรุงโตเกียว (Tokyo) ถือว่าเป็นวัดที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงของโตเกียววัดหนึ่ง ตัววัดเดิมถูกเผาทำลายเกือบหมดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่อาคารที่เห็นในปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นใหม่อย่างงดงาม โดยมีโคมแดงขนาดใหญ่ที่ประตูคามินาริมง (Kaminarimon Gate) เป็นสัญลักษณ์สำคัญ วัดแห่งนี้ยังเป็นวัดที่มีการจัดงานเทศกาลได้ยิ่งใหญ่ได้รับความนิยมที่สุดของเมืองโตเกียวอีกด้วย

ศาลเจ้าอะสึตะ (Atsuta Shrine)

10. ศาลเจ้าอะสึตะ (Atsuta Shrine)

ศาลเจ้าอะสึตะ (Atsuta Shrine / 熱田神宮) ตั้งอยู่ที่เมืองนาโกย่า (Nagoya) ในจังหวัดไอจิ (Aichi) เป็นศาลเจ้าชินโตที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่น รองจากศาลเจ้า ศาลเจ้าอิเสะ (Ise Shrine) ถือเป็นศาลเจ้าที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในแต่ละปีมีคนมาสักการะมากถึง 9 ล้านคน อีกทั้งยังเป็นสถานที่เก็บวัตถุโบราณนับพันชิ้น รวมถึงเครื่องราชกุธภัณฑ์ของจักรพรรดิญี่ปุ่นอย่างดาบ Kusanagi-no-tsurugi อีกด้วย

ข้อมูลการจัดอันดับจาก: travel.rakuten.co.jp

เกร็ดความรู้การสักการะขอพรในช่วงปีใหม่ของญี่ปุ่น

Entsuden Hall (鐘楼)

การไหว้พระหรือสักการะขอพรเทพเจ้าในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ฮะสึโมเดะ (Hatsumode / 初詣) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในธรรมเนียมสำคัญของคนญี่ปุ่น โดยหลังจากที่พระวัดตีระฆังส่งท้ายปีเก่าแล้ว ผู้คนจำนวนมากจะมาขอพรที่วัดหรือศาลเจ้า ด้วยการโยนเหรียญลงไปในกล่องหน้าพระประธานหรือแท่นบูชาเทพเจ้า พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐาน โดยแต่ละวัดหรือศาลเจ้าก็มีความศักดิ์สิทธิ์ในด้านต่างๆ แตกต่างกันไป เช่น ความรัก การงาน การศึกษา หรือสุขภาพ เราสามารถเลือกไปยังสถานที่ที่ตรงกับสิ่งที่ต้องการขอพรหรือสถานที่ที่สะดวกก็ได้ค่ะ

ที่เสี่ยงเซียมซี

นอกจากนี้ หลังจากขอพรแล้วก็อย่าลืมซื้อเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์หรือที่เรียกกันว่า โอมาโมริ (Omamori / お守り) เพื่อเสริมสิริมงคล และต่อด้วยการเสี่ยงเซียมซีแรกของปีหรือที่เรียกว่า โอะมิคุจิ (Omikuji / おみくじ) หากเราได้ใบคำทำนายที่ดี ก็เก็บกลับบ้านไป แต่หากได้ใบคำทำนายไม่ดีไม่ดี ก็มัดทิ้งเอาไว้ที่วัดหรือศาลเจ้า เชื่อกันว่าเป็นการฝากโชคร้ายไว้ที่นั่น ไม่ให้นำกลับบ้านไปด้วยนั่นเอง

📌 ในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของญี่ปุ่น รถไฟในเส้นทางหลักๆ จะวิ่งให้บริการเกือบตลอดทั้งคืน เพื่อรองรับผู้ที่ออกมาไหว้พระขอพร

ค้นหาและเทียบราคาที่พักในญี่ปุ่น

รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com