[รีวิว] สวน Kankouen Kyuchan เก็บสตรอว์เบอร์รี่ที่เมือง Aizu-wakamatsu จังหวัดฟุคุชิมะ

สวัสดีค่า ช่วงนี้แอดมินก็ไม่พลาดที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับในช่วงฤดูหนาวค่ะ แม้ว่าส่วนใหญ่จะเน้นไปทางด้านการเที่ยวเมืองหิมะก็ตาม แต่ในบทความนี้จะพาไปชิมสตรอว์เบอร์รี่สดๆ ท่ามกลางหิมะนี่แหละต่ะ! โดยเลือกสวนสตรอว์เบอร์รี่ “Kankouen Kyuchan (คังโคเอ็น คิวจัง)” ที่จังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima)

เกี่ยวกับสวน Kankouen Kyucha

สวนสตรอว์เบอร์รี่ Kankouen Kyuchan (観光園 久ちゃん) ตั้งอยู่ที่เมืองไอสุวากามัตซึ (Aizu-wakamatsu) ในจังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima) โดยอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Aizu-Wakamatsu ประมาณ 12 นาทีด้วยรถยนต์หรือรถแท็กซี่

สวนแห่งนี้เป็นที่การเพาะปลูกสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์ Benihoppe ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพันธุ์ที่หวานที่สุดในญี่ปุ่นและเป็นพันธุ์ที่มีความสมดุลของความหวานอมเปรี้ยวที่ดีมากพันธุ์หนึ่ง และสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์ Sagahonoka ที่มีกลิ่นหอมและอุดมไปด้วยวิตามินซี

บริการ: ทานสตรอว์เบอร์รี่ได้ไม่อั้นที่สวนในเวลา 30 นาที

ช่วงเปิดให้บริการบริการ: ปลายปี – กลางปี (ไม่กำหนดแน่นอน)
※ช่วงเดือนกุมภาพันธุ์ 2019 เปิดให้บริการเฉพาะเสาร์-อาทิตย์

เวลาทำการ: 10:00 น. – 15:00 น.
※ไม่ต้องจองล่วงหน้า

ราคา:

• ตั้งแต่เปิดสวน – 9 เมษายน
  • ผู้ใหญ่(ตั้งแต่มัธยมต้นขึ้นไป) 1,500 เยน
  • เด็ก (6 ขวบ-ประถมศึกษาตอนปลาย) 1,200 เยน
  • เด็กเล็ก (3 ขวบ – 5 ขวบ) 600 เยน
• 10 เมษายน – 10 พฤษภาคม
  • ผู้ใหญ่ (ตั้งแต่มัธยมต้นขึ้นไป) 1,250 เยน
  • เด็ก (6 ขวบ – ประถมศึกษาตอนปลาย) 970 เยน
  • เด็กเล็ก (3 ขวบ – 5 ขวบ) 600 เยน
• ตั้งแต่ 11 พฤษภาคม
  • ผู้ใหญ่ (ตั้งแต่มัธยมต้นขึ้นไป) 960 เยน
  • เด็ก (6 ขวบ – ประถมศึกษาตอนปลาย) 900 เยน
  • เด็กเล็ก (3 ขวบ – 5 ขวบ) 600 เยน

*ราคาขึ้นอยู่กับแต่ละฤดูควรตรวจสอบก่อนการเดินทาง อ้างอิง

ที่อยู่: 〒965-0101 福島県会津若松市北会津町真宮西面7 [ดูแผนที่]

ข้อมูลสวนเพิ่มเติม: aizufruit-l.com

รีวิวเก็บสตรอว์เบอร์รี่ที่สวน Kankouen Kyuchan

ด้านการเดินทางมายังเมืองฟุคุชิมะ สามารถดูได้ที่บทความ » การเดินทางจากโตเกียว/เซนไดไปฟุคุชิมะ (Tokyo/Sendai → Fukushima) ส่วนวิธีการเดินทางก็แล้วแต่ความสะดวกและงบประมาณเลยค่ะ การเดินทางในบทความนี้จะขอเริ่มที่สถานี Fukushima นะคะ

ช่วงที่ 1: Fukushima → Koriyama → Aizu-Wakamatsu (ใช้เวลารวมประมาณ 2 ชั่วโมง)

นั่งรถไฟชินคันเซ็น 13 นาที จากสถานี Fukushima หรือรถไฟ JR TOHOKU LINE 50 นาที ลงที่สถานี Koriyama แล้วจึงต่อรถไฟสาย JR BAN-ETSU-WEST LINE อีก 80 นาที ลงสถานี Aizu-Wakamatsu

ช่วงที่2: Aizu-Wakamatsu → Niitsuru (ใช้เวลาประมาณ 30 นาที)

นั่งรถไฟจากสถานี Aizu-Wakamatsu สาย Tadami Line ลงสถานี Niitsuru ใช้เวลาประมาณ 30 นาที และต่อด้วยแท็กซี่ราคาประมาณ 6 นาที (ประมาณ 1,540 เยน) ลงหน้าสวนเลยค่ะ

※ใช้ JR Pass (All area), JR East Pass (Tohoku area), JR East-South Hokkaido Rail Pass ได้ตลอดเส้นทาง

หมายเหตุ:

• คนที่ไม่อยากต่อรถไฟอ้อมไปไกลหรืออยู่ใน Aizu-Wakamatsu อยู่แล้วก็สามารถนั่งแท็กซี่จากสถานี Aizu-Wakamatsu มาที่สวนได้เลยราคา 3,030 เยน (12 นาที) แนะนำให้ขอนามบัตรคนขับรถแท็กซี่เอาไว้แล้วให้เจ้าหน้าที่เขาโทรเรียกให้ค่ะ

ส่วนแอดมินเดินทางด้วยรถยนต์จากสถานี Fukushima ก็จะได้บรรยากาศที่แตกต่างกันเล็กน้อย วิวสวยมากกกขอบอก คนที่ขับรถยนต์ส่วนตัวหรือเช่ารถก็สามารถขับรถจากตัวเมืองฟุคุชิมะประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที การเดินทางสามารถใช้ที่อยู่ในการเสิร์ช Google Map หรือใช้ GPS ของรถกรอกที่อยู่หรือเบอร์โทรศัพท์ลงไปและขับตามได้เลยค่ะ

ลงจากรถแล้วก็จะเห็นโรงเรือนขนาดใหญ่ติดกัน 2 เรือน (จริงๆ มีหลายเรือน) ที่อยู่ท่ามกลางหิมะสะสม ด้านนอกอากาศค่อนข้างหนาว ตอนแอดมินไปก็ประมาณเดือนกุมภาพันธ์กำลังดีที่ประมาณ -2 ถึง -5 หิมะบางส่วนเริ่มละลายแล้ว สำหรับคนที่มาแล้วเจอแบบนี้ไม่ต้องแปลกใจนะคะ ว่าทำไมมันเงียบเพราะช่วงหน้าหนาวคนเขาอยู่ข้างในกันหมดค่ะ เพราะมันหนาววว~

พูดคุยกับเจ้าของสวนรวมถึงแจ้งราคาแล้ว เขาก็จะแจ้งเวลาที่เราสามารถเก็บได้ว่าถึงกี่โมงกี่นาที และแจกอาวุธในการเก็บสตรอว์เบอร์รี่ค่ะ แต่อย่างไรก็ตามตอนอธิบายอาจจะมีข้อตกลงบางอย่างที่เราต้องทำความเข้าใจด้วย เพราะตอนที่แอดมินไป คุณลุงเขาแจ้งว่าแถวที่ผูกด้วยพลาสติกสีเหลืองด้านบนคือไม่สามารถเก็บได้ค่ะ

ทำความเข้าใจหลายๆ เรื่องแล้วก็มาเริ่มต้นหาสตรอว์เบอร์รี่กรอบๆ หวานๆ กันเล้ย! ที่สวนนี้เป็นสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์ Benihoppe ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพันธุ์ที่หวานที่สุดในญี่ปุ่น ปกติจะพบมากในจังหวัดชิสึโอกะ (Shizuoka) และจังหวัดใกล้เคียง อีกพันธุ์คือ Sagahonoka สำหรับคนที่ชอบรสชาติแบบหวานอมเปรี้ยวอีกทั้งมีวิตามินสูง อย่างไรก็ตามไม่ว่าพันธุ์ไหนลูกไหนก็งามน่าเก็บไปหมดค้า

ที่จริงแล้วการเก็บสตรอว์เบอร์รี่นั้นมีวิธีง่ายๆ เพียงแค่สังเกตตรงใบเลี้ยงของผลสตรอว์เบอร์รี่ดูว่าใบงอนมั้ย (เอาแบบชี้ขึ้นฟ้าเลยนะคะ) ประกอบกับสีของผลแดงสดดีหรือไม่ เวลาเด็ดให้เด็ดเหมือนผลลำไย อย่าดึงตรงๆ เพราะจะทำให้ติดมาทั้งต้น ให้บิดออกจากก้านเบาๆ ลูกมันก็หลุดออกมาเอง ถ้าลูกไหนดูแล้วหลุดยากก็แสดงว่ายังไม่ได้ที่ค่ะ

แอดมินอยากให้เห็นของจริงมากเลยค่ะ ลูกหนึ่งที่ใหญ่ขนาดไหน รูปทรงสวยไม่มีรอยช้ำแม้แต่นิดเดียว สมกับเป็นผลไม้ที่เก็บโดยตรงจากสวนจริงๆ ทั้งยังเป็นสตรอว์เบอร์รี่ที่ปลูกแบบออแกนิคอีกด้วย ทานได้อย่างสบายใจเลยค่ะ

จะสังเกตเห็นว่าสตรอว์เบอร์รี่ที่แอดมินเก็บมา ใบเลี้ยงแต่ละลูกงอนไปถึงดาวอังคารแล้วจ้า! เรามีเวลาเก็บและทาน 30 นาทีก็ใช้เวลาให้คุ้มค่า ค่อยๆ เก็บไปกินไป ถ่ายรูปไปนะคะ คือสวนกว้างมากไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีให้ทาน สำหรับคนที่อยากทานสตรอวเ์เบอร์รี่แบบญี่ปุ่นก็พกนมข้นหลอดเล็กๆ ไปหยอดด้วย ฟินมาาากกก

หน้าตาของคนฟินๆ ก็จะประมาณนี้ค่ะ คือสตรอว์เบอร์รี่ในมือคือลูกใหญ่มาก งับคำเดียวไม่หมดลูก ทานไปเรื่อยๆ จนอิ่มสำราญกันแล้วก็แนะนำให้หาของดองหรือชาขมนิดๆ ดื่มตามเพื่อปรับสภาพลิ้นค่ะ เพราะการทานสตรอว์เบอร์รี่จำนวนมาก แล้วทานน้ำเลยจะมีความรู้สึกเหมือนดื่มน้ำหลังแปรงฟัน ฮ่าๆ

30 นาทีผ่านไป ไวเหมือนโกหก ออกมากด้านนอกก็เจอแต่หิมะอีกครั้ง ประจวบเหมาะกับช่วงที่พระอาทิตย์สะท้อนแสงกับหิมะพอดี ก็มานั่งเก็บภาพบรรยากาศหน้าสวนกันซะหน่อย อิ อิ

ขอจบการรีวิวเก็บสตรอว์เบอร์รี่แต่เพียงเท่านี้ หวังว่าจะช่วยให้คนที่ผ่านไปผ่านมาแถวๆ เมืองไอสุวากามัตซึ (Aizu-wakamatsu) ก็มาแวะเที่ยวที่สวน Kankouen Kyuchan นี้ได้นะคะ สำหรับวันนี้สวัสดีค่า

อ่านตอนต่อไป » [รีวิว] Nishi-aizu International Art Village กิจกรรมโกยหิมะและเล่นหิมะที่จังหวัดฟุคุชิมะ