ญี่ปุ่นประกาศเปิดประเทศอีกครั้งเมื่อปี 2022 (พ.ศ. 2565) จนปัจจุบันก็เข้าสู่ปี 2023 (พ.ศ. 2566) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บางคนอาจจะยังมีความกังวลเรื่องโควิด-19 ระบาด เลยยังไม่ได้จองตั๋วกันไปทันทีหลังจากที่เปิดประเทศ โดยเมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมานั้น เราสามารถเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนใบรับรองการฉีดวัคซีนหรือใบรับรองการตรวจโควิดแล้วจ้า ปีนี้ก็คงเป็นปีที่หลายคนจะได้กลับไปเที่ยวญี่ปุ่นกันหลังจากรอดูสถานการณ์กันมาหลายเดือน ซึ่งเราก็สามารถเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นได้เป็นปกติแล้ว เย่ๆ
สรุปสาระสำคัญในการเที่ยวญี่ปุ่น 2023
มาตรการตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2566
- ไม่บังคับให้สวมหน้ากากอนามัยในชีวิตประจำวัน สามารถเลือกได้เองว่าจะสวมหรือไม่
- แนะนำว่าควรสวมหน้ากากอนามัยในบางสถานการณ์ เช่น กรณีที่ขึ้นรถไฟหรือรถบัสที่แออัด หรือสถานีที่ที่มีคนหนาแน่น กรณีที่มีอาการของโรค
มาตรการตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2566
- ไม่ต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม หรือใบรับรองการตรวจโควิด 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
ญี่ปุ่นเปิดประเทศให้ท่องเที่ยวได้เมื่อไหร่?
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2022 รัฐบาลญี่ปุ่นได้เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง หลังจากปิดประเทศไปนานกว่า 2 ปี ก่อนหน้านี้มีการอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ถือวีซ่าแบบต่างๆ เข้าประเทศญี่ปุ่นได้แล้ว จนวันที่ 11 ตุลาคม 2022 หากมาเที่ยวญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วัน สามารถเดินทางมาได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าแล้วค่ะ
วันที่เริ่มใช้มาตรการ | รูปแบบการเดินทาง |
---|---|
11 ตุลาคม 2022~ | · เที่ยวเองได้อิสระ · แบบกรุ๊ปทัวร์ หมายเหตุ: ไม่ต้องขอวีซ่า หากท่องเที่ยวไม่เกิน 15 วัน |
7 กันยายน 2022~ | · แบบกรุ๊ปทัวร์ โดยมีไกด์เดินทางมาด้วย · ใช้บริการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักผ่านบริษัททัวร์ โดยไม่ต้องมีไกด์เดินทางมาด้วย หมายเหตุ: ต้องขอวีซ่าระยะสั้นเพื่อการท่องเที่ยว |
10 มิถุนายน 2022~ | · แบบกรุ๊ปทัวร์ โดยมีไกด์เดินทางด้วยตลอดทริปเท่านั้น หมายเหตุ: ต้องขอวีซ่าระยะสั้นการท่องเที่ยว |
หมายเหตุ: วิธีนับจำนวนวันที่สามารถอยู่ในญี่ปุ่นได้ คือ ให้นับวันที่เดินทางถึง + 15 วัน
เช่น ถ้าเดินทางถึงวันที่ 11 + 15 วัน = อยู่ในญี่ปุ่นได้ไม่เกินวันที่ 26 เวลา 23:59 น.
ไปเที่ยวญี่ปุ่นต้องฉีดวัคซีนอะไร ต้องกักตัวหรือไม่?
นับเป็นข่าวดีที่นักท่องเที่ยวชาวไทยหลายคนรอคอย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางญี่ปุ่นได้ยกเลิกมาตรการแบ่งกลุ่มประเทศเป็นสีต่างๆ ตามระดับความเสี่ยง ซึ่งก็จะไม่มีการตรวจหาเชื้อโควิดในสนามบินที่ญี่ปุ่น (ยกเว้นผู้ที่มีอาการของโรค) รวมทั้งยกเลิกมาตรการกักตัวต่างๆ อีกด้วยนะคะ และมาตรการล่าสุดที่เริ่มตั้งแต่ 29 เมษายน 2023 ทำให้เราสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเคยฉีดวัคซีนหรือไม่ ฉีดยี่ห้ออะไร ฉีดมาแล้วกี่เข็ม หรือจะติดโควิดมาก่อนเดินทางหรือไม่ เพราะเราไม่ต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนหรือใบรับรองการตรวจโควิดก่อนออกเดินทาง เนื่องจากทางญี่ปุ่นได้ลดระดับมาตรการมาอยู่ที่ระดับ 5 (เท่าไข้หวัดใหญ่) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หมายเหตุ:
- ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นโดยมีอาการสงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 จะได้รับการตรวจเมื่อเดินทางมาถึง
อ้างอิงจาก mhlw.go.jp (ข้อมูล ณ 2 พฤษภาคม 2566)
จะไปเที่ยวญี่ปุ่น 2023 ต้องทำอย่างไร?
ญี่ปุ่นจะเปิดประเทศให้ท่องเที่ยวกันแล้วตั้งแต่ปี 2022 (พ.ศ. 2565) และตั้งแต่ 29 เมษายน 2566 (พ.ศ. 2566) ก็ได้ยกเลิกเงื่อนไขต่างๆ ที่เพิ่มมาในช่วงการระบาดของโควิด-19 ไปแล้วทั้งการแสดงเอกสารใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด (3 เข็ม) หรือใบรับรองผลตรวจโควิดเป็นลบ 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง
แต่ปัจจุบันก็มีขั้นตอนการลงทะเบียนเข้าประเทศที่เราต้องทราบไว้ก่อนนะคะ เนื่องจากว่ามีพิธีการในการเดินทางเข้าประเทศที่เปลี่ยนไปนิดหน่อยค่ะ โดยสรุปได้ดังนี้
- ผู้ที่ถือพาสปอร์ตสัญชาติไทยจะได้ฟรีวีซ่า 15 วัน
- ควรลงทะเบียนในเว็บไซต์ Visit Japan Web ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเดินทางมาญี่ปุ่น เพื่อความรวดเร็วในการผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและพิธีการศุลกากร
※ตั้งแต่ 11 ตุลาคม 2565 สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวด้วยตัวเองได้โดยไม่ต้องผ่านบริษัททัวร์ และไม่ต้องขอวีซ่า หากมาท่องเที่ยวไม่เกิน 15 วัน
※ตั้งแต่ 29 เมษายน2566 สามารถเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิดและใบรับรองผลตรวจโควิดเป็นลบออกเดินทาง
ขั้นตอนการเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่น
1. ทำพาสปอร์ต
พาสปอร์ตควรมีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน เนื่องจากบางสายการบินจะไม่อนุญาตให้คนที่พาสปอร์ตที่มีอายุน้อยกว่า 6 เดือนขึ้นเครื่องบินนะคะ [ดูวิธีการทำพาสปอร์ตที่นี่]
หมายเหตุ:
- คนที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วัน ไม่ต้องขอวีซ่าท่องเที่ยวนะคะ
- คนที่ต้องขอวีซ่าระยะสั้น จะมีรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้
- ยื่นได้ที่ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าญี่ปุ่น (JVAC) [ดูรายชื่อศูนย์ที่นี่] หรือมอบหมายให้ผู้อื่นยื่นขอวีซ่าแทนได้ [ดูรายละเอียดที่นี่ *ตรงข้อ 6]
- ต้องใช้เอกสารประกอบการขอวีซ่า เช่น พาสปอร์ต ใบคำร้องขอวีซ่า รูปถ่าย ทะเบียนบ้าน หนังสือรับรองการทำงาน เป็นต้น [ดูรายละเอียดเอกสารที่นี่]
- มีค่าธรรมเนียมวีซ่า 870 บาท + ค่าดำเนินการของศูนย์ 705 บาท รวมเป็น 1,575 บาท
2. ลงทะเบียนล่วงหน้าที่ Visit Japan Web
ในตอนขาเข้าประเทศญี่ปุ่นจะมีกระบวนการสำคัญ 3 กระบวนการ คือ ด่านกักกันโรค (Quarantine), การตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) และศุลกากร (Customs) ซึ่งผู้เดินทางสามารถลงทะเบียนกรอกข้อมูลทางออนไลน์ก่อนได้ เพื่อความรวดเร็วในการเข้าประเทศ แล้วจะได้เป็น QR Code สำหรับนำไปแสดงตามจุดต่างๆ ที่สนามบิน (หากไม่ลงทะเบียนก่อนจะต้องมากรอกเป็นกระดาษ) โดยมีขั้นตอนดังนี้
ก่อนขึ้นเครื่องบินมายังญี่ปุ่น
ให้ลงทะเบียนเว็บไซต์ Visit Japan Web » https://www.vjw.digital.go.jp/ (※ต้องเป็นเว็บไซต์เท่านั้น โปรดระวังแอปฯ หลอกลวง)
- ขั้นตอน 0: สร้าง Account ใหม่สำหรับไว้ใช้ Login (※ต้องใช้อีเมล)
- ขั้นตอน 1: ลงทะเบียนข้อมูลของผู้เดินทาง (※ต้องใช้พาสปอร์ต)
- หมวดหมู่ของขั้นตอนการเข้าประเทศ
- ข้อมูลพาสปอร์ต (เลขพาสปอร์ต, ชื่อ, สัญชาติ, วันเกิด, วันหมดอายุ)
- ข้อมูลทั่วไป (อาชีพ, ประเทศ, เมือง)
- ขั้นตอน 2: ลงทะเบียนกำหนดการเดินทาง
- วันที่เดินทางมาถึง
- สายการบินและหมายเลขเที่ยวบิน
- ที่พัก (ชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์)
- ขั้นตอน 3: ลงทะเบียนข้อมูลที่จำเป็นในกระบวนการเข้าประเทศ ได้แก่
- Quarantine (ถ้าไม่มีอาการป่วยให้ตอบ No)
- Immigration clearance and Customs declaration
หมายเหตุ:
- สามารถลงทะเบียนทางเว็บไซต์หรือไม่ลงก็ได้ โดยสามารถกรอกในใบสีเหลือง 2 ใบที่แอร์ฯ แจกบนเครื่องบินหรือที่สนามบินได้เช่นกัน
- ปัจจุบันบางสายการบินไม่แจกใบสีเหลืองบนเครื่องบินให้แล้ว ต้องมากรอกก่อนผ่านตม. ซึ่งอาจทำให้เสียเวลา
※ตั้งแต่ 29 เมษายน 2566 ไม่ต้องลงทะเบียนใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิดและใบรับรองผลตรวจโควิดเป็นลบออกเดินทางแล้ว
เมื่อถึงสนามบินที่ญี่ปุ่น
ขั้นตอน 4: หลังจากกรอกข้อมูลเสร็จ จะได้รับ QR Code ให้นำไปแสดงที่
- ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) สำหรับข้อมูล Immigration (Disembarkation Card)
- ด่านศุลกากร (Customs) สำหรับข้อมูล Customs Declaration
หมายเหตุ:
- ตั้งแต่ 25 มกราคม 2567 เวลาตี 3 (ของญี่ปุ่น) ระบบได้รวม QR Code เหลือเพียงโค้ดเดียวเท่านั้น
※หากลงทะเบียนก่อนเวลานี้ QR Code แบบเดิม (ที่มี 2 โค้ด) จะใช้งานไม่ได้แล้ว
※ควรตรวจสอบ QR Code ว่าเป็นแบบใหม่ (ที่รวมกันเหลือ 1 โค้ด) หรือไม่ ก่อนนำไปสแกนที่สนามบิน - ตั้งแต่ 29 เมษายน 2566 ไม่ต้องแสดงหน้าจอสีฟ้าที่ Quarantine(Fast Track) แล้ว
- ตั้งแต่ 28 ธันวาคม 2565 ไม่ต้องแสดง QR Code ที่ Quarantine(Fast Track) แล้ว
- หากกรอกข้อมูลในใบสีเหลือง Disembarkation Card ก็ให้ยื่นใบที่กรอกที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) ได้
- ที่ด่านศุลกากร (Customs) จะมีแถวแยกระหว่าง QR Code และใบสีเหลือง Customs Declaration ให้ไปเข้าแถวตามที่จะใช้ยื่น
เมื่ออยู่ในญี่ปุ่น
ขั้นตอน 5: สามารถใช้ “Tax-free shopping service” โดยแสดง QR Code ที่ร้านค้า Tax-free Shop ตอนจ่ายเงิน โดยไม่ต้องยื่นพาสปอร์ตตัวจริงได้ (โดยปกติเวลาจะทำเรื่องขอคืนภาษี จะต้องแสดงพาสปอร์ตตัวจริงเท่านั้น)
หมายเหตุ:
- Tax-free shopping service เป็นบริการใหม่ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาเมื่อปี 2566 จะลงทะเบียนหรือไม่ก็ได้
- ตอนลงทะเบียนในเว็บไซต์ Visit Japan Web ต้องใช้พาสปอร์ตตัวจริง และต้องสแกน QR Code บนแสตมป์ที่ติดในพาสปอร์ตหลังจากที่ผ่านตม.
- จำกัดเฉพาะร้านค้าที่รองรับการอ่าน QR Code การยกเว้นภาษี
- ต้องสแกน QR Code ผ่านเว็บ ไม่สามารถใช้แคปเจอร์หน้าจอได้
3. ซื้อประกันเดินทาง
ควรซื้อประกันเดินทางต่างประเทศเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล ซึ่งหากมีประกันการเดินทาง สามารถติดต่อบริษัทประกันเพื่อประสานงานในการเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลในญี่ปุ่นได้
หมายเหตุ:
- บางบริษัทให้ซื้อล่วงหน้าก่อนเดินทางอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
- เบี้ยประกันสำหรับทริปญี่ปุ่น 7 วันนั้นเริ่มต้นไม่ถึงหลักพัน แนะนำให้ซื้อไว้อุ่นใจกว่าค่ะ
อ้างอิงจาก vjw-lp.digital.go.jp (อัปเดตวันที่ 25 มกราคม 2567)
สรุปขั้นตอนการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น
ใครที่อ่านแล้วอาจจะงงหรือสับสน เราขอสรุปขั้นตอนการเข้าประเทศญี่ปุ่นสำหรับนักท่องเที่ยวแบบสั้นๆ ดังนี้
- ทำพาสปอร์ต (กรณีที่ยังไม่เคยมี / พาสปอร์ตเดิมหมดอายุ / พาสปอร์ตมีอายุเหลือน้อยกว่า 6 เดือน)
- ควรลงทะเบียนในเว็บไซต์ Visit Japan Web ให้เสร็จก่อนเดินทางมาถึงญี่ปุ่น เพื่อกรอกข้อมูลประวัติการเข้าประเทศและเอกสารแสดงของต้องสำแดง (ที่เคยกรอกบนเครื่องบิน)
※ตั้งแต่ 29 เมษายน 2566 ไม่ต้องลงทะเบียนใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิดและใบรับรองผลตรวจโควิดเป็นลบออกเดินทาง - ควรซื้อประกันเดินทางไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินที่ต้องรักษาพยาบาล (ควรซื้อล่วงหน้าก่อนเดินทางอย่างน้อย 2 ชั่วโมง)
- หลังถึงสนามบินปลายทางที่ญี่ปุ่น ให้แสดงหน้าจอลงทะเบียนและ QR Code จากเว็บไซต์ Visit Japan Web เพื่อแสกนในจุดต่างๆ ตามขั้นตอนการเข้าสู่ประเทศ
รีวิวประสบการณ์เที่ยวญี่ปุ่น 2022
อันนี้เป็นประสบการณ์ที่แอดมิน Kzy ของเราได้เจอจากทริปเที่ยวคิวชูเหนือเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2022 ที่ผ่านมา โดยลงเครื่องบินที่สนามบินฟุกุโอกะนะคะ
การเดินทางเข้าประเทศ
- สายการบินไทยไม่ได้มีการตรวจเอกสารเกี่ยวกับโควิดใดๆ ก่อนขึ้นเครื่องบินไปญี่ปุ่น
- ขั้นตอนการเข้าประเทศยังเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือต้องลงทะเบียนในเว็บไซต์ Visit Japan Web เพื่อยื่นใบรับรองวัคซีนหรือผลตรวจโควิด
- ต้องแสดงหน้าจอสีน้ำเงินและสแกน QR Code ในขั้นตอนการผ่านจุดกักกันโรค (Quarantine) หลังจากนั้นจะได้รับกระดาษสีฟ้า Health Card ซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด
- บนเครื่องบินยังมีการแจกกระดาษกรอกใบสีเหลือง Disembarkation Card และ Customs Declaration สามารถใช้กรอกแทนการสแกน QR Code ของเว็บไซต์ Visit Japan Web ได้เช่นกัน
การป้องกันโควิด
- ที่ญี่ปุ่นยังใช้มาตรการป้องกันโควิดค่อนข้างเข้มข้น เมื่ออยู่ในอาคารหรือในระบบขนส่งสาธารณะยังต้องใส่หน้ากากอนามัย
- สามารถถอดหน้ากากอนามัยได้เมื่ออยู่ข้างนอกอาคาร แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังใส่อยู่ดี (ยกเว้นเวลากินอาหาร)
※ตั้งแต่ 13 มีนาคม 2023 ไม่บังคับให้สวมหน้ากากอนามัยแล้ว แต่ควรสวมเมื่ออยู่ในที่แออัด - ก่อนเข้าใช้บริการสถานที่ต่างๆ จะมีการวัดอุณหภูมิและให้ล้างมือด้วยสเปรย์แอลกอฮอล์ (ร้านอาหารจะเคร่งเป็นพิเศษ)
- ตามห้องน้ำในที่สาธารณะส่วนใหญ่จะงดให้บริการเครื่องเป่ามือ จึงควรเตรียมทิชชู่หรือผ้าไว้สำหรับเช็คมือ
- ควรดื่มน้ำเยอะๆ เนื่องจากอากาศแห้ง อาจทำให้มีอาการเจ็บคอได้ (เราติดยังหว่า…เอิ๊ก~)
- ควรพก ATK มาจากไทย เนื่องจากที่ญี่ปุ่นมีราคาแพงกว่า (ที่ญี่ปุ่นเรียก PCR Test Kit)
การท่องเที่ยว
- คนญี่ปุ่นยังคงออกมาท่องเที่ยวและใช้ชีวิตตามปกติ แม้ว่าจะมียอดผู้ติดโควิดสูงมากก็ตาม ซึ่งนักท่องเที่ยวอย่างเราก็ต้องระมัดระวังตัวเช่นกัน เพราะหากติดขึ้นมาอาจทำให้ทริปล่มได้ หากมีอาการรุนแรง (แอดมินยังรอดมาทุกซีซั่น)
- สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ คนจะเยอะมากในช่วงวันหยุด จึงควรวางแผนการท่องเที่ยวดีๆ หากไม่อยากเจอผู้คนหนาแน่น และลดโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อ
- เราเลือกเข้าร้านอาหารที่โล่งๆ ไม่แออัด และเลือกเวลาที่คนซาแล้ว ส่วนตอนเย็นเน้นซื้อหาอาหารจากร้านสะดวกซื้อกลับไปทานที่โรงแรม
- แถวแลก JR PASS และจองที่นั่งที่บนรถไฟที่เคาน์เตอร์ในสถานี Hakata นั้นแถวยาวมาก ควรเผื่อเวลาในส่วนนี้ด้วยนะคะ
การช้อปปิ้ง
- ร้านค้าร้านตามสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ดาไซฟุ ยุฟุอิน และในสนามบินยังมีบางส่วนที่ปิดให้บริการอยู่ แต่โดยรวมก็ไม่ได้เงียบเหงา
- ของฝากยอดฮิตบางอย่างที่สนามบิน เช่น Tokyo Banana, Yoku Moku ขายหมดเกลี้ยงจ้า
- หากต้องการซื้อของฝาก แนะนำว่าควรหาซื้อตั้งแต่ในเมืองโดยเลือกร้านที่เป็น Tax Free เนื่องจากสนามบินคนเยอะตั้งแต่ขั้นตอนการ Check-in และโหลดกระเป๋า การผ่านจุด Security ไปจนถึงการเข้าแถวจ่ายเงินที่ร้านค้า หากมาช้าอาจไม่มีเวลาช้อปได้
ส่งท้าย
ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวญี่ปุ่นในปี 2023 (พ.ศ. 2566) นี้แทบจะเหมือนการเดินทางมาช่วงก่อนโควิดเลย (ยกเว้นตั๋วเครื่องบินที่หลายคนบ่นว่าแพง 555) โดยเราจะได้ฟรีวีซ่า 15 วัน เพิ่มเติมคือพิธีการลงทะเบียนข้อมูลสักหน่อย
บทความนี้แอดมินเขียนจากข้อมูลที่มีการประกาศไว้จากหน่วยงานต่างๆ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย หากในความเป็นจริงแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างใด สามารถแจ้งแอดมินตามช่องทางต่างๆ ทั้ง Facebook และ LINE ให้ปรับปรุงข้อมูลได้เลยนะคะ สวัสดีค่า
เขียนเมื่อ Jul, 1 2022
อัปเดตล่าสุด Jan 26, 2024
ค้นหาโรงแรมที่พักในญี่ปุ่น
บทความเตรียมตัวไปญี่ปุ่น ดูทั้งหมด »
- คู่มือเที่ยวญี่ปุ่น แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว สภาพอากาศในญี่ปุ่น
- ตั้งงบเที่ยวญี่ปุ่นง่ายๆ โดยกลยุทธ์คำนวณค่าใช้จ่ายด้วยเลข 0
- Japan 101 ติวเข้มก่อนไปญี่ปุ่น! 60 ข้อน่ารู้เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
- แต่งตัวเที่ยวญี่ปุ่น+สภาพอากาศ 12 เดือน ไปญี่ปุ่นแต่งกายอย่างไร?
- เคล็ดลับจัดกระเป๋าไปญี่ปุ่นด้วยวิธีการหาร 2! เที่ยวญี่ปุ่นเตรียมอะไรไปดี?
- 10 ไอเทมที่ควรพกพาเมื่อไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นช่วงหน้าร้อน!
- 7 ไอเทมที่ควรพกพาเมื่อไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นช่วงหน้าหนาว!
- 6 ไอเทมที่ควรพกเมื่อมาเที่ยวชมหิมะในแถบนอกเมืองของญี่ปุ่น
- เตรียมตัวไปเที่ยวฮอกไกโดหน้าหนาว อุณหภูมิติดลบ พร้อมที่เที่ยวชมหิมะ
รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com