Advertorial

สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาแนะนำแหล่งท่องเที่ยวแบบชิล ๆ ที่เกาะเอโนชิมะ (Enoshima) กันค่ะ ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวใกล้โตเกียวลำดับต้นๆ ที่ชาวญี่ปุ่นและต่างชาติเดินทางมาเยือนกันตลอด นอกจากจะมีวิวสวยๆ ของทะเลแล้ว เรายังสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิในวันฟ้าใสได้อีกด้วยนะคะ 

ในบทความนี้เราก็จะพาเพื่อนๆ ไปสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่น่าสนใจบนเกาะเอโนชิมะ พร้อมแนะนำอาหารอร่อยๆ ไว้เป็นลายแทงให้ทุกคนได้เที่ยวตามใน 1 วัน ถ้าพร้อมแล้ว ก็ตามมาเลยค่า!

เกี่ยวกับเกาะเอโนชิมะ (Enoshima)

เกาะเอโนชิมะ (Enoshima) เป็นเกาะริมชายฝั่งขนาดเล็กที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 4 กม. เป็นส่วนหนึ่งของเมืองฟูจิซาวะ (Fujisawa) ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองคามาคุระ (Kamakura) ในจังหวัดคานากาวะ (Kanagawa) เราสามารถเดินเท้าเข้าเกาะได้จากชายฝั่งผ่านสะพานที่เชื่อมกับแผ่นดินใหญ่ 

เกาะนี้มีกลุ่มศาลเจ้าเอโนชิมะ (Enoshima Shrine) ที่มีชื่อเสียง อันเป็นสถานที่สถิตของเทพีแห่งดนตรีและความบันเทิงนามว่า เทพีเบ็นไซเท็ง (Benzaiten) ผู้คนในวงการบันเทิงในสมัยเอโดะจึงเคารพบูชาเทพีองค์นี้กันมาก และในปัจจุบันก็ยังเป็นที่นิยมในการขอพรเรื่อยมา และยังมีเทพเจ้าองค์อื่นๆ ที่ให้พรในเรื่องโชคลาภ ความมั่งคั่งและความรักอีกด้วย

นอกจากความศักดิ์แล้ว สถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะเล็กๆ แห่งนี้ก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน อาทิ ประภาคารชมวิวจากบนเกาะ สวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่ ชายหาดติดทะเล ระฆังขอความรัก ถ้ำธรรมชาติ ไปจนถึงออนเซ็นพักผ่อนหย่อนใจ

วิธีเดินทางจากโตเกียวมาเอโนชิมะด้วยรถไฟ Odakyu

  • จากสถานี Shinjuku ให้นั่งรถไฟ Odakyu Line (Rapid Express) วิ่งตรงมาลงที่สถานี Katase-Enoshima โดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวน ใช้เวลาประมาณ 70 นาที ค่าโดยสาร 650 เยน 
  • จากสถานี Shinjuku ให้นั่งรถไฟ Odakyu Line (Limited Express) Romancecar วิ่งตรงมาลงที่สถานี Katase-Enoshima โดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวน ใช้เวลาประมาณ 65 นาที ค่าโดยสาร 1,400 เยน 

💡แนะนำให้ใช้ Enoshima-Kamakura Freepass ราคา 1,640 เยน เป็นบัตรเหมารถไฟ 1 วัน ที่รวมค่าเดินทางรถไฟสาย Odakyu Line ไป-กลับโตเกียว (หากนั่งขบวน Romancecar จะต้องจ่ายเงินเพิ่ม 750 เยนต่อเที่ยว) และยังใช้นั่งรถไฟ Enoden (รถไฟที่วิ่งริมทะเล) ไปเที่ยวคามาคุระต่อได้

วิธีใช้งาน Enoshima-Kamakura Freepass

ข้อมูลพาส

  • ใช้นั่งรถไฟ Odakyu Line ไป-กลับ จากสถานีต้นทาง (Shinjuku) จนถึงสถานี Fujisawa 
  • ใช้นั่งรถไฟ Odakyu Line ระหว่างสถานี Fujisawa และ Katase-Enoshima และรถไฟ Enoden Line ได้ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว
  • ใช้แสดงเพื่อรับส่วนลดค่าเข้าชมสถานที่บนเกาะเอโนชิมะและคามาคุระ เช่น Enoshima ESCAR, Enoshima Iwaya Cave, Enoshima Sea Candle
  • ระยะเวลาใช้งาน 1 วัน

ราคาพาส

สถานีต้นทางราคา
ผู้ใหญ่ (12 ปี+)
ราคาเด็ก (6-11 ปี)
Shinjuku1,640 เยน430 เยน
Fujisawa810 เยน410 เยน
※ราคาพาสแตกต่างกันตามสถานีต้นทาง
※ซื้อพาสได้ล่วงหน้าก่อนเดินทาง 1 เดือน

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและซื้อ Enoshima-Kamakura Freepass ที่ » odakyu.jp (ภาษาอังกฤษ)

ลายแทงเที่ยวเกาะเอโนชิมะ (Enoshima) 1 วัน

ส่วนใหญ่ผู้คนมักจะเดินทางมาจากโตเกียว จึงอยากจะแนะนำตั้งแต่การเดินทางออกจากตัวเมืองโตเกียวจนถึงบนเกาะเอโนชิมะเลยค่ะ ถ้ามีวันว่างๆ ก็อยากให้เป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในลิสต์ของทุกคนนะคะ

สถานีรถไฟ Odakyu Shinjuku

ขอเริ่มต้นการเดินทางจากสถานี Odakyu Shinjuku ใครที่ใช้ Enoshima-Kamakura Freepass เมื่อถึงทางเข้ารถไฟของ Odakyu ก็ให้มองหาประตูที่มีกล่องสีเหลืองหรือสีขาวซึ่งเขียนว่า “QRチケット” จากนั้นสแกน QR Code ของพาสจากโทรศัพท์มือถือ ก็สามารถเข้าสถานีได้เลย 

สถานีรถไฟ Katase-Enoshima

นั่งรถไฟ Odakyu Line (Rapid Express) จากสถานี Shinjuku ใช้เวลาประมาณ 70 นาทีก็มาถึงสถานี Katase-Enoshima แล้วค่ะ ดีไซน์ด้านนอก เหมือนศาลเจ้าแต่ว่ามีความโค้งมน ทำให้รู้สึกว่าน่ารักมากๆ คล้ายศาลเจ้าเป่าลมเลยอ่ะ เป็นสถานีที่เราชอบมาก

ออกจากสถานีแล้วก็ให้ข้ามสะพานคนเดินมาอีกฝั่งก่อน แล้วจะเจอสะพานใหญ่ๆ แบบนี้ อย่ามัวรอช้า ข้ามไปยังเกาะเอโนชิมะกันเลย!

ศาลเจ้าเอโนะชิมะ (Enoshima Shrine)

จุดหมายแรกที่เราจะเดินทางไปคือ ศาลเจ้าเอโนะชิมะ (Enoshima Shrine) เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงมากๆ ของเกาะแห่งนี้ และตลอดข้างทางไปยังตัวศาลเจ้าก็ยังเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย

ศาลเจ้าเอโนะชิมะเป็นกลุ่มศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าสององค์ ที่ผู้คนมักมาสักการะเพื่อขอพรในเรื่องความมั่งคั่ง สุขภาพ และความรักค่ะ 

ตัวศาลเจ้าตั้งอยู่บนเขา นักท่องเที่ยวสามารถขอพรและชมวิวได้ในที่เดียวกัน โดยสามารถเดินเท้าขึ้นบันได หรือใช้บริการบันไดเลื่อน Enoshima ESCAR แบบมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 360 เยนค่ะ บันไดเลื่อนนี่จะมีความสูงทั้งหมด 3 ระดับ กรณีที่มี Enoshima-Kamakura Freepass ก็แสดงพาสเพื่อรับส่วนลดขึ้นบันไดเลื่อนได้ 10% ค่ะ

ถ้ำเอโนชิมะ อิวายะ (Enoshima Iwaya Cave)

จุดหมายต่อไปคือ ถ้ำเอโนชิมะ อิวายะ (Enoshima Iwaya Cave) ที่อยู่ด้านหลังเกาะเอโนชิมะ ตรงปลายสุดของทางเดินเลียบชายฝั่ง เป็นถ้ำธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของคลื่นทะเลเป็นเวลานานหลายปี ในยุคเอโดะเชื่อกันว่าเคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีผู้คนมากมายมาสักการะ ว่ากันว่าพลังจากภูเขาฟูจิถูกส่งตรงมายังถ้ำแห่งนี้ค่ะ

ถ้ำอิวายะมีค่าเข้าชม 500 เยน เราสามารถโชว์ Enoshima-Kamakura Freepass เพื่อรับส่วนลดในการเข้าชมได้ 10% เช่นกันค่ะ

ภายในถ้ำแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกมีความลึก 152 เมตรและส่วนที่สองลึก 56 เมตร เมื่อเดินเข้าไปในส่วนลึกจะรู้สึกถึงบรรยากาศที่สงบและเยือกเย็นอันเป็นเอกลักษณ์ของถ้ำใกล้น้ำ ข้างในมีความมืดสลัวๆ ซึ่งเราจะได้รับเทียนมาถือนำทางค่ะ

เมื่อเดินพ้นตัวถ้ำ เราจะพบกับลานหินผาที่เรียกว่า จิโกกะฟุจิ (Chigogafuchi) ซึ่งเราสามารถชมพระอาทิตย์ตกดินกับภูเขาไฟฟูจิที่งดงามจนเกินบรรยาย หากเพื่อนๆ อยากได้ภาพสวยๆ แนะนำให้ดูเวลาพระอาทิตย์ใกล้ตกแล้วมาเดินเล่นที่ถ้ำอิวายะกันค่ะ

พักกินมื้อกลางวันกับเมนูดังของเอโนชิมะ

ชิราสุด้ง (Shirasu Don)

หลังจากเดินเที่ยวสักพักใหญ่ (ก็เดินเยอะอยู่นะ) ก็ถึงเวลาของมื้อเที่ยงพอดี เริ่มหิวแล้วต้องหาอะไรกินกันหน่อย ซึ่งของขึ้นชื่อของเกาะเอโนชิมะก็ต้องเป็นอาหารทะเลอยู่แล้วค่ะ แต่ที่ดังมากและมีชื่อเสียงแบบใครมาที่นี่ก็อยากให้ลองค่ะ หนึ่งในนั้นคือ ชิราสุด้ง (Shirasu Don) หรือข้าวหน้าปลาชิราสุนั่นเอง 

ซาซาเอะด้ง (Sazae Oyako Don)

นอกจากนี้เมนูที่หลายๆ ร้านในแถบนี้ต่างแนะนำก็คือ ซาซาเอะด้ง (Sazae Oyako Don) หรือที่เรียกว่า “ข้าวหน้าหอยสังข์กับไข่” เป็นเมนูที่นำหอยสังข์ญี่ปุ่นมาปรุงกับไข่และเครื่องปรุงรส ให้รสชาติกลมกล่อมและหอมอร่อย ก่อนเสิร์ฟลงบนข้าวสวยร้อนๆ 

พิซซ่า บีอังก้า (Pizza Bianca)

พิซซ่า บีอังก้า (Pizza Bianca) ที่นำปลาชิราสุมาทำเป็นพิซซ่าที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เป็นพิชช่าในแบบของเอโนชิมะเลยค่ะ!

อาหารทะเลย่าง

ในส่วนเมนูอื่นๆ ที่เตะตาสะกิดใจเราก็เป็นจำพวกหมึกย่างและอาหารทะเลย่างอื่นๆ มีกลิ่นหอมโชยมาเป็นระยะๆ ทำให้เราแทบจะอดใจไม่ไหวค่ะ บรรยากาศแบบนี้สมกับเป็นเกาะเอโนชิมะมากๆ มีความครึกครื้น สดใส และอุดมไปด้วยอาหารการกิน บอกเลยว่าถูกใจคนไทยอย่างเรามากๆ

ซีฟู๊ดเซ็มเบ้ (Seafood Senbei)

นอกจากอาหารมื้อหลักแล้วก็มีของทานเล่นจุ๊บจิ๊บๆ ที่พลาดไม่ได้ คือถ้าถือแล้วรู้เลยว่ามาเที่ยวเอโนชิมะ นั่นก็คือ ซีฟู๊ดเซ็มเบ้ (Seafood Senbei) เป็นข้าวเกรียบรวมทะเลที่มีหน้าตาเหมือนข้าวเกรียบธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาคือวิธีการทำ เพราะที่ร้านเขาจะนำ กุ้ง หอย หมึก และอื่นๆ ที่เราสั่งวางลงในเครื่องอัดข้าวเกรียบ แล้วเทแป้งข้าวเกรียบลงไป จากนั้นก็อัดให้ทุกอย่างสุกด้วยความร้อนและความดัน (ตอนอัดจะมีเสียงหวีดเล็กๆ ออกมา) 

ภายในไม่กี่นาทีเราก็จะได้ทานข้าวเกรียบที่หน้าตาเหมือนในรูปทุกประการค่ะ ความอร่อยคือเป็นข้าวเกรียบที่มีความหอมของแป้งและวัตถุดิบจากทะเล แถมเรายังได้กินข้าวเกรียบที่สดใหม่แบบแผ่นต่อแผ่นกันเลยทีเดียว เป็นอีกเมนูทานเล่นที่เรายกให้เป็นเมนูโปรดในดวงใจเลยค่ะ

ชิราสุปัง (Shirasu Pan)

อีกหนึ่งของขึ้นชื่อและเป็นเมนูที่มีเอกลักษณ์ของเอโนชิมะที่อยากให้ทุกคนได้ลอง ก็คือ ชิราสุปัง (Shirasu Pan) ขนมปังที่มีไส้เป็นปลาชิราสุ ผ่านการปรุงให้สุกและผสมกับเครื่องปรุงรสต่างๆ เช่น มายองเนสหรือชีส เพื่อเพิ่มรสชาติ ทำให้ได้ทั้งความหอมจากขนมปังและรสเค็มนิดๆ ที่ลงตัวสุดๆ

เอโนชิมะซีแคนเดิล (Enoshima Sea Candle)

อิ่มท้องแล้วก็มากันต่อที่ประภาคารชมวิว เอโนชิมะซีแคนเดิล (Enoshima Sea Candle) ที่มีความสูง 59.8 เมตร ถือว่าเป็นไฮไลต์อีกแห่งหนึ่งของเกาะค่ะ ค่าเข้าชมที่นี่อยู่ที่ 500 เยน ถ้าใช้ Enoshima-Kamakura Freepass ก็จะได้รับส่วนลดอีก 10% นะคะ

ด้านบนเราสามารถมองเห็นวิวรอบๆ เกาะได้แบบ 360 องศา รวมถึงสามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจนวันที่ฟ้าเปิด และมองยังเห็นไกลไปถึงโตเกียวสกายทรีในเมืองโตเกียวเลยค่ะ

ใกล้ๆ กับประภาคารมีสวนพฤกษศาสตร์ ซามูเอล ค็อกกิ้ง (Samuel Cocking Garden) ที่ชาวอังกฤษสร้างเอาไว้ตั้งแต่สมัยเมจิ ภายในมีพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ปัจจุบันเป็นสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ตามฤดูกาล อาทิ พืชพันธุ์ของมหาสมุทรแปซิฟิกทางตอนใต้ และมีการจัดแสดงไฟในช่วงเวลากลางคืนอีกด้วยค่ะ

เอโนชิมะถือเป็นเกาะหนึ่งที่ได้รับความนิยมในหมู่หนุ่มสาวในการนัดเดทอีกแห่งหนึ่งค่ะ เนื่องจากบรรยากาศสบายๆ มีกิจกรรมที่เหมาะกับการมาเดทเป็นคู่ ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้าที่ให้โชคเรื่องความรัก การชมวิวทิวทัศน์รอบเกาะ เดินชมสวน เดินชมไฟประดับ รวมถึงการเดินหาของทานเล่นได้ทั่วเกาะ เป็นเกาะที่มีครบสมบูรณ์ในทุกด้านจริงๆ ค่ะ 

แนะนำของฝากจากเอโนชิมะ (Enoshima) 

ก่อนออกจากเกาะเอโนชิมะ เราอยากแนะนำให้ทุกคนแวะชมไอเทมเหล่านี้กันซักนิด นอกจากจะเป็นของที่น่าซื้อกลับไปเป็นของฝากแล้ว ยังสะท้อนเสน่ห์และเอกลักษณ์ของเอโนชิมะได้อย่างลงตัวอีกด้วยค่ะ 

เครื่องรางจากศาลเจ้าเอโนะชิมะ (Enoshima Shrine)

เครื่องรางของศาลเจ้าเอโนชิมะ มีหลายแบบที่ขึ้นชื่อเรื่องการเสริมดวงด้านความรักและความสัมพันธ์กับผู้คนรอบตัว เครื่องราง หนึ่งในนั้นก็คือ “โยคุบาริ บิจินมาโมริ (よくばり美人守り) “ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก สามเทพธิดาของศาลเจ้าเอโนชิมะ เป็นเครื่องรางที่ไม่เหมือนใคร เพราะสามารถเลือกชาร์ม (เครื่องรางเสริม) มาผสมกันเองตามความปรารถนา เช่น “อยากมีผิวสวย” หรือคำอธิษฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความงาม

สินค้าธีมรถไฟเอโนะเด็น (Enoden)

สินค้าที่มีรถไฟเอโนะเด็น (Enoden) เป็นแรงบันดาลใจ เช่น อุปกรณ์เครื่องเขียน พวงกุญแจ โมเดลรถไฟ และเสื้อยืด เป็นของฝากที่มีเอกลักษณ์ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากค่ะ โดยสามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายของฝากในสถานี Enoshima หรือสถานี Fujisawa

งานแก้วประดิษฐ์จากเอโนะชิมะ (Enoshima)

ของที่ระลึกที่ทำจากแก้ว เช่น เครื่องประดับและแก้วน้ำ ซึ่งมีลวดลายเกี่ยวกับตำนานเทพเจ้าเบ็นไซเท็น มังกรเทพเจ้า และเทพเจ้าแห่งโชคลาภทั้งเจ็ด ถือเป็นของฝากสุดพิเศษที่แสดงถึงเรื่องราวและตำนานในพื้นที่เอโนะชิมะได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ

ออกจากเกาะไปต่อกันที่คามาคุระ (Kamakura)

ส่วนใครที่เที่ยวเกาะเอโนะชิมะเสร็จแล้ว อยากจะแวะไปต่อที่เมืองคามาคุระ ที่มีพระใหญ่ก็สามารถทำได้โดยใช้ Enoshima-Kamakura Freepass นั่งรถไฟสาย Enoden จากสถานี Enoshima ไปได้เลย โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม (ปกติค่าโดยสาร 260 เยนต่อเที่ยว)

รถไฟเอโนะเด็น (Enoden)

รถไฟเอโนะเด็น (Enoden) หรือ รถไฟฟ้าสายเอโนะชิมะ (Enoshima Dentetsu Line) เป็นรถไฟท้องถิ่นที่ให้บริการระหว่างสถานี Fujisawa ผ่านสถานี Enoshima ไปจนถึงสถานี Kamakura ระหว่างทางเราจะได้ชมวิวทะเลและภูเขาไฟฟูจิได้อย่างสวยงามเลยะนะคะ ถ้าใครมีเวลาก็อย่าลืมแวะสถานี Inamuragasaki เป็นอีกหนึ่งในจุดชมวิวชายทะเลที่สวยงามที่มีชื่อของเมืองคามาคุระด้วยค่ะ

วัดโคโตคุอิน (Kotokuin Temple)

ใครที่จะมาไหว้พระเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลที่วัดโคโตคุอิน (Kotokuin Temple) แนะนำให้ลงรถไฟที่สถานี Hase เพราะจะเดินใกล้กว่า วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระใหญ่ไดบุตสึ (Kamakura Daibutsu) พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่มีความสูง 11.3 เมตร ได้รับการขนานนามว่า “พระใหญ่แห่งคามาคุระ” ถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของเมือง มีค่าเข้าคนละ 300 เยนนะคะ

ส่งท้าย

สำหรับเรา การท่องเที่ยวเมืองใกล้เคียงโตเกียวแบบ One Day Trip ขอยกให้เกาะเอโนชิมะ (Enoshima) เป็นอันดับต้นๆ เลยค่ะ เนื่องจากนั่งรถไฟลงเพียงไม่กี่จุดก็สามารถเที่ยวได้ทั้งวัน ไม่ต้องเจอความแออัดแบบเมืองใหญ่ แถมยังท่องเที่ยวได้หลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ค่อนข้างถูกใจในความสดใหม่ รวมทั้งความเป็นเอกลักษณ์ของเอโนชิมะค่ะ และด้วยความที่ที่นี่เป็นเมืองริมทะเล การได้มองออกไปเห็นท้องฟ้าและน้ำทะเลสีคราม พร้อมกับภูเขาไฟฟูจิที่สง่างาม ทำให้เรารู้สึกอิสระและผ่อนคลายอย่างมากค่ะ

หากต้องการความว้าวมากๆ แนะนำให้มาเที่ยวเอโนชิมะในวันที่อากาศดี ท้องฟ้าเปิด และลองวางแผนเที่ยวไปจนถึงช่วงเย็น เพื่อที่เราจะได้ชมพระอาทิตย์ตกดินสุดงดงาม พร้อมกับวิวฟูจิ จากนั้นปิดท้ายด้วยการเดินชมงานประดับไฟแสนสวยในยามค่ำคืน รับรองว่าทริปนี้จะเป็นการพักผ่อนแบบเต็มอิ่มและน่าประทับแน่นอนหวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับการท่องเที่ยวใกล้เมืองหลวงในวันสบายๆ นะคะ สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ

ค้นหาและเทียบราคาที่พักในโตเกียว

รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com