สวัสดีค่า ก่อนหน้านี้เราได้แนะนำวิธีการเดินทางจากโตเกียวมายังนิกโก้ (Nikko) โดยใช้ Tobu Nikko Pass กันไปเรียบร้อยแล้ว ทริปนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวนิกโก้ 1 วัน ชมใบ้ไม้เปลี่ยนสีรวมถึงธรรมชาติอื่นๆ ที่สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge) และทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) ด้วยค่า ^^

รีวิวเที่ยวนิกโก้ (Nikko) ชมใบไม้เปลี่ยนสีใน 1 วัน (ตอนแรก)

นิกโก้ (Nikko) ถือเป็นอีกเมืองที่เราชอบมาก เนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงามมากและผู้คนก็อัธยาศัยดีมากๆ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายจุด สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการจะมาชมใบไม้เปลี่ยนสีในโซนธรรมชาติที่นิกโก้ แนะนำว่าควรมาตั้งแต่ประมาณวันที่ 15 ตุลาคมเป็นต้นไป โดยใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีจากโซนด้านบนสุดลงมาด้านล่างค่ะ ช่วงที่แอดมินไปในรีวิวนี้เป็นช่วงวันที่ 18 ตุลาคมนะคะ สำหรับท่านใดที่อยากดูพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีในแต่ละจุด สามารถดูได้ที่บทความ » 16 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี นิกโก้ (Nikko) พร้อมตารางพยากรณ์

สถานี Tobu-nikko Station

เราขอเริ่มจากสถานี Tobu-nikko Station กันนะคะ เรามาถึงสถานีประมาณ 08:25 น. เดินออกมาหน้าสถานีชักภาพกันเสียหน่อย วันที่เราไปมีฝนตกในช่วงเช้าตั้งแต่ออกเดินทาง แต่ยังโชคดีที่ฟ้าไม่มีเมฆ มีแต่ฝน

ด้านหน้าสถานีมีคนไม่มากนัก ส่วนใหญ่คือรีบไปต่อแถวขึ้นรถบัสกันค่ะ ส่วนตัวเราก็มัวแต่ถ่ายรูปจึงต้องรอเที่ยวต่อไปเลย แต่ไม่เป็นไรเนอะ จะมาชมธรรมชาติต้องค่อยๆ ชม ไม่ใจร้อน

มองเข้ามาด้านในสถานีค่ะ ขวามือมี Tourist Information ซ้ายมือมีร้านขายของและที่นั่งรอรถไฟค่า

ภาพที่มองจากด้านหน้าสถานีค่ะจะมีป้ายแนะนำเมืองประมาณว่า “ยินดีต้อนรับสู่เมืองมรดกโลก” ด้านหลังจะมีลานกว้างๆ และมีสิ่งก่อสร้างคล้ายๆ ศาลายาวๆ นั่นคือสถานีรถบัสนั่นเอง มีกรวยสีแดงๆ เพื่อให้เข้าแถวรถให้ถูกสายค่ะ

กรวยของรถแต่ละสายก็มีแยกสีให้ด้วยนะคะ ดูมีสีสันไปอีกแบบ หลังจากที่เราพลาดรถบัสเที่ยว 08:40 น. เพราะมัวแต่เอ้อระเหยลอยชาย เราจึงตัดสินใจที่เดินชมเมืองรอบๆ สถานีแทน

เหม่อมองขึ้นไปบนภูเขา~~ มีแต่หมอกกับละอองฝนค่ะ ฮ่าๆ สงสารกล้องตัวเองมาก โดนความชื้นตลอดทริปแน่ๆ เดินดูโน่นนี่ไปเรื่อยๆ จนมาถึงสะพานแดงชินเคียว (Shinkyo Bridge) เลยค่ะ ใช้เวลาพอสมควร เดินประมาณมาณ 15 นาที แต่ด้วยวิญญาณตากล้องเข้าสิง แค่นี้ไม่มีท้อ *ถ้านั่งรถบัสมา ให้ลงป้ายหมายเลข 7: Shinkyo นะคะ

สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)

สะพานสีแดงเก่าแก่อันโด่งดัง ใครจะขึ้นไปถ่ายรูปบนสะพานให้เป็นสิริมงคลแก่ตัวเองก็เสียเงิน 300 เยนนะคะ อิ อิ ส่วนตัวมาตัวคนเดียวได้นายและนางแบบจำเป็นมายืนกลางสะพานให้ถ่ายได้ฟิลอีกแบบเลยค่ะ ถ้าใส่กิโมโนกางร่มกระดาษนี่สุดยอด ^^

อีกมุมหนึ่งแบบใกล้มากๆ น้ำใส สีฟ้าสวยมากกก แม้ฝนจะตกน้ำก็ยังใสตัดกับสีแดงของสะพานและสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้า เป็นการผสมผสานระหว่างธรรมชาติและสิ่งก่อสร้างที่ทำให้เกิดสีสันอันสวยงามที่ลืมไม่ลงเลยค่ะ

หลังจากเดินชมสะพานแดงแล้วจะมีทางขึ้นไปบนเขาเพื่อเดินไปศาลเจ้าโทโชงุ (Toshogu Shrine) ที่ซึ่งมี Three Monkeys ลิงปิดหู ปิดตา ปิดปาก นั่นเอง ถือเป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงมากๆ ของนิกโก้ค่ะ แต่เนื่องจากคนเยอะมากและเราไม่ได้เจาะจงมาเที่ยวโซนนมรดกโลก จึงไม่ได้เข้าไป และตัดสินใจนั่งรถบัสเพื่อไปชมใบไม้แดงที่ทะเลสาบก่อนค่ะ

โบสถ์นิกโก้ ชินโกะ (Nikko Shinko Church)

โบสถ์เก่าแก่ระหว่างรอรถบัสที่ป้ายหมายเลข 9: Nishisando Iriguchi ค่ะ เนื่องจากรถที่ขึ้นไปโซนทะเลสาบจะจอดรถป้ายรถบัสหมายเลข 7 และหมายเลข 9 (ป้ายหมายเลข 8 รถบัสจะไม่จอดนะคะ) ใครที่ต้องการขึ้นไปโซนทะลสาบหรือ โซน Yumoto Onsen ให้เดินย้อนกลับไปหมายเลข 7 หรือ เดินไปหมายเลข 9 นะคะ ถ้าเป็นในช่วง High Season รถค่อนข้างติดและมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ดังนั้นรถบัสอาจจะมาช้ากว่าในเวลาที่กำหนดปกติค่ะ ดังนั้นการเที่ยวนิกโก้แนะนำให้เที่ยวจากด้านบนลงด้านล่างจะง่ายกว่าค่ะ

นั่งรถบัสประมาณ 30 นาที (หน้าหนาวอาจจะใช้เวลา 40-50 นาที) เราจะมาถึงป้ายหมายเลข 26: Chuzenji Onsen ค่ะ สำหรับเพื่อนๆ ที่่ต้องการชมน้ำตก เข้าสปา และชมทะเลสาบให้ลงป้ายนี้ แต่เรามาชมใบไม้แดงจึงนั่งรถไปถึงป้ายหมายเลข 29: Chuzenji Yubinkyoku ค่า

ทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji)

พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี

ปีวันที่เริ่มพีควันที่ร่วง
202424 ตุลาคม ~7 พฤศจิกายน ~
※ข้อมูลจาก weathernews.jp (อัปเดต 1 ตุลาคม 2024)

แล้วเราก็มาถึงทะเลสาบชูเซ็นจิ ซึ่งเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของญี่ปุ่นค่ะ แถวนี้ส่วนใหญ่จะเป็นออนเซ็น และบ้านพักส่วนตัวค่ะ ดังนั้นการถ่ายภาพขอให้อยู่แต่บริเวณด้านนอกนะคะ เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้อาศัยค่ะ ภาพนี้เราถ่ายจากถนนหน้าบ้าน อยากมีบ้านพักริมทะเลสาบแบบนี้บ้างจัง ^^

ใบเมเปิ้ลเริ่มร่วงโรยบนพื้นหญ้าสีเขียว ความลงตัวของธรรมชาติ ท่ามกลางบรรยากาศฟ้าหลังฝนอากาศบริสุทธิ์กับกลิ่นไอเย็นๆ ทำให้ร่างกายผ่อนคลายจากความเครียดแบบไม่ต้องพึ่งพาสิ่งบรรเทาอื่นๆ

ทางเดินดินหยาบๆ ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสี ราวกับตัวเองเดินอยู่ในอุโมงค์ต้นไม้ในป่าใหญ่ กลิ่นไอดินทำให้อยากทางเดินนี้ยาวไปเรื่อยๆ พักกายสบายใจ ชื่นชมไปกับธรรมชาติรอบๆ เหลือเกิน

กิ่งก้านสาขาที่แผ่ขยายไปริมทะเลสาบทำให้น้ำใสๆ ที่ถูกปกคลุมด้วยไอหมอกนั้นมีสีสันแม้ในยามที่อากาศไม่เป็นใจเช่นนี้ก็ตาม

เมื่อเดินย้อนกลับมาทางถนนใหญ่ประมาณ 200 เมตร ด้านขวามือของถนนที่ติดกับทะเลสาบจะมีทางเดินเลียบทะเลสาบเพื่อให้นักท่องเที่ยวค่อยๆ ซึมซับบรรยากาศได้อย่างสะดวกสบาย

ที่นั่งพักในสวน หรือจะพากันมาปิกนิคกับครอบครัวก็แสนจะได้บรรยากาศ (ถ้าฝนไม่ตก 555)

สวยมากจนอยากจะเอากลับบ้านด้วย แต่คิดว่าให้มันอยู่บนต้นคงจะสวยกว่าให้มันแห้งเหี่ยวอยู่ในกระเป๋าเรา แต่ก็อยากให้คนอื่นได้ชื่นชมความงามนี้ด้วย เราจึงถ่ายรูปมาฝากกันจ้ะ ^___^

เดินย้อนลงมาอีกนิดก็จะสามารถเห็นบ้านพักหลังเมื่อครู่มองจากไกลๆ บรรยากาศดีไปอีกแบบ บ้านที่อยู่ท่ามกลางต้นไม้หลากสีสันอย่างนี้

ส่วนนี่ก็คือภาพในฝันของเราเลยค่ะ ณ วันนั้น ใต้ต้นเมเปิ้ล ลมพัดอ่อนๆ ใบเมเปิ้ลปลิดปลิวจากต้นร่วงหล่นสู้ผืนดิน พื้นดินเปลือยเปล่าถูกปกคลุมด้วยใบเมเปิ้ล หากมีหญิงสาวยืนอยู่ตรงนั้นคงจะดีไม่น้อย (เพ้อมาก แต่บรรยากาศมันให้อารมณ์นั้นจริงๆ)

เมื่อเราออกจากโซนป่าใบไม้แดง (เรียกเอง) กันแล้วเราจะเจอโซนที่เป็นที่ราบริมทะเลสาบ จุดนี้สามารถชมทิวทัศน์ของทะเลสาบได้กว้างมาก ตอนที่เราเดินมาถึงริมฝั่งก็พอดีกับช่วงที่เรือทัวร์ทะเลสาบผ่านมา รวมทั้งฟ้าที่เคยหมองหม่นมาตลอดทั้งเช้าก็ค่อยๆ เผยสีฟ้าสดใสออกมาให้ชมกัน ภูเขาที่เคยถูกบดบังก็ถูกเผยโฉมออกมาทีละนิดอย่างช้าๆ

สีฟ้าสดใสราวกับทะเลสีคราม สีน้ำเงินเข้มที่สะท้อนในน้ำโดยมีภูเขาที่ถูกย้อมด้วยสีแดงขั้นกลาง สีสันนี้หาชมได้ยากยิ่ง ได้จิบกาแฟอุ่นๆ ชมวิวสวยๆ ฟิน~

อีกฝั่งหนึ่งของถนนที่ติดภูเขาก็สวยไม่แพ้กัน ภูเขาลูกใหญ่ที่กำลังเปลี่ยนสีไปทีละนิดๆ

แวะทานอาหารกลางวันเบาๆ เทมปุระเซ็ตเล็กราคา 410 เยนจาก ฟู้ดคอร์ท เผื่อท้องไปทานขนมจุกจิกบ้าง อิ อิ

ลากันไปด้วยไอศกรีม CREMIA แบบ Premium Cream กันค่ะ กินไม่ให้หกแม้แต่หยดเดียว ราคาแพงกว่าข้าวอีก (-_-) โคนของไอศกรีมเป็นคุกกี้หอมมาก เข้ากับครีมพรีเมี่ยมได้เป็นอย่างดี หนาวๆ งี้ต้องกินติมสิ ใช่มั้ยคะ ^^ ยังไม่จบเท่านี้นะคะ คราวหน้าเราจะพาไปชมน้ำตกเคงอน (Kegon Waterfall) กันค่ะ สวยจนอยากเอากลับบ้านจริงๆ รอติดตามชมกันด้วยนะคะ สำหรับวันนี้สวัสดีค่า

อ่านตอนจบ » [รีวิว] เที่ยวนิกโก้ (Nikko) 1 วัน ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่น้ำตก Kegon Waterfall

ค้นหาโรงแรมที่พักในญี่ปุ่น


รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com