เช็คลิสต์ 7 อย่าง เตรียมความพร้อม เดินทางเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

25844
ดินทางเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

7 เช็คลิสต์เตรียมความพร้อมเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

หนึ่งจุดหมายปลายทางยอดฮิตของนักท่องเที่ยวคนไทยก็ “ญี่ปุ่น” นี่แหละ เพราะตั้งแต่ยกเลิกวีซ่า ก็เหมือนลดขั้นตอนที่ยุ่งยากในการจัดการเรื่องเที่ยวไปได้อีกหนึ่งสเต็ป และด้วยประเทศญี่ปุ่นเอง ก็เป็นประเทศที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกกลุ่มทั้งเรื่องธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม ช้อปปิ้ง ไปจนถึงอาหารการกิน เรียกได้ว่าไปเที่ยวครั้งเดียวไม่พอจริงๆ แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยไป แล้วกำลังมีแพลนอยู่ในใจ เรามาดูเช็คลิสต์กันก่อนดีกว่าว่า การเดินทางไปญี่ปุ่นจะต้องเตรียมตัวอะไรกันบ้าง

1. พาสปอร์ต

แม้วีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นจะถูกยกเลิกให้กับคนไทย โดยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวและพำนักในประเทศญี่ปุ่นได้ 15 วัน แต่หากคุณต้องการวันเวลามากกว่านั้น ก็สามารถยื่นขอวีซ่าก่อนการเดินทางได้ที่ ศูนย์ยื่นวีซ่าประเทศญี่ปุ่น (JVAC) อาคารวันแปซิฟิคเพลส บนถนนสุขุมวิท และอย่าลืมเรื่องพาสปอร์ต ที่ต้องมีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป

พาสปอร์ต

2. วางแผนการเดินทาง

ถัดมาสิ่งที่สำคัญคือ การวางแผนเรื่องของการเดินทาง ทั้งเรื่องเมืองหรือภูมิภาคที่คุณต้องการจะท่องเที่ยว เพราะจะส่งผลถึงตั๋วเครื่องบินและที่พักญี่ปุ่นที่คุณจะต้องจอง รวมไปถึงช่วงเวลาที่ต้องการเดินทางไป เพื่อเช็คสภาพอากาศ ด้วยประเทศญี่ปุ่นในช่วงฤดูกาลต่างๆ ก็จะมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป โดยช่วงเวลายอดนิยมที่สุดในการเที่ยวญี่ปุ่นคือ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ประมาณเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ซึ่งซากุระกำลังบานสะพรั่ง ฤดูใบไม้ร่วง ประมาณเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีสวยงาม ไปจนถึงฤดูหนาว เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ หากคุณต้องการสัมผัสกับหิมะ เป็นต้น

 

3. เอกสารการเดินทาง

เมื่อเลือกช่วงเวลาและเมืองที่ต้องการไปเที่ยวได้เรียบร้อยแล้ว ถัดมาสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เอกสารการเดินทางอย่างตั๋วเครื่องบิน โดยตั๋วเครื่องบินไปยังเมืองต่างๆ ของญี่ปุ่นจากกรุงเทพฯ นั้นก็มีทั้งเที่ยวบินตรงและเที่ยวบินที่ต้องเชื่อมต่อ อีกทั้งสายการบินให้เลือกมากมายทั้ง สายการบินแบบราคาประหยัดและสายการบินแบบฟูลเซอร์วิสตามงบประมาณของคุณ

ที่พักในญี่ปุ่น

4. ที่พักในญี่ปุ่น

เมื่อหาตั๋วเครื่องบินกันได้แล้ว ถัดมาก็อย่าลืมคลิกจองที่พักในญี่ปุ่นโดยทริคการเลือกที่พักในญี่ปุ่นที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างแรกเลยก็คือ ทำเลที่ตั้ง ที่สามารถเดินทางสะดวก ใกล้กับสถานีรถไฟ ถัดมาประเภทของที่พัก ไม่ว่าจะเป็น โฮสเทล โรงแรม หรือเรียวกัง ตามความชอบ และท้ายสุดก็อาจจะดูที่งบประมาณของคุณ และการตรวจสอบราคาที่พักญี่ปุ่นในเว็บจองโรงแรมทั่วไปจะไม่ได้เป็นราคา Net แล้ว อาจจะทำให้วางแผนคลาดเคลื่อนเล็กน้อย Traveloka เป็นเจ้าหนึ่งที่ได้ทำราคาที่พักได้ถูกกว่าหรือเทียบเท่ากับเว็บจองที่พักทั่วๆไป ราคาที่แสดงเท่ากับราคาที่ชำระ (ราคา Net)  และ ถ้าไม่มีบัตรเครดิตก็สามารถชำระได้เช่นกัน

เงินเยน

5. เงินและบัตรเครดิต

อีกหนึ่งเรื่องสำคัญคือ อย่าลืมที่จะแลกเปลี่ยนเงินเยนก่อนการเดินทาง โดยปัจจุบันมีอัตราแลกเปลี่ยน 100 เยน อยู่ที่ประมาณ 33 บาท และนอกเหนือจากนี้ เรายังสามารถใช้บัตรเครดิตได้เกือบทุกที่ในญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นห้างใหญ่ๆ ไปจนถึงร้านขายยาต่างๆ อีกทั้งยังสามารถกดถอนเงินได้ที่ตู้ ATM ของ 7-Eleven โดยมีค่าธรรมเนียมประมาณ 100 บาทต่อการกด 1 ครั้ง

6. อุปกรณ์การสื่อสารและไฟฟ้า

ถึงแม้ญี่ปุ่นจะมีฟรีไวไฟให้ใช้อยู่ทั่วไป แต่ในเรื่องการเดินทางภายในพื้นที่ที่อาจต้องใช้แอปพลิเคชั่นต่างๆ เป็นตัวช่วย การเช่าอุปกรณ์ไวไฟพกพา หรือ Pocket Wi-Fi อาจเป็นการสะดวกกว่า เพราะจะช่วยประหยัดค่าโทรศัพท์ แถมยังสามารถแชร์กันได้หลายเครื่องอีกด้วย ทั้งนี้คุณสามารถเช่าล่วงหน้าก่อนการเดินทางหรือจะหาเช่าตามสนามบินก็ได้เช่นกัน รวมไปถึงอย่าลืมเตรียม Adapter สำหรับแปลงไฟเอาไว้ชาร์จมือถือและกล้องถ่ายรูป เพราะกระแสไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นกับบ้านเรามีความแตกต่างกัน ญี่ปุ่นจะใช้ไฟฟ้า 110V บ้านเราใช้ 220 V

จัดเสื้อผ้า

7. เสื้อผ้า

ต่อเนื่องกันมากับเรื่องช่วงเวลาที่คุณเดินทางไปท่องเที่ยว ก็อย่าลืมเตรียมเสื้อผ้าที่ต้องสวมใส่ไปให้ถูกต้อง โดยหากเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วงที่มีอากาศไม่หนาวเย็นจนเกินไป อาจไม่มีอะไรมาก แต่หากเป็นช่วงฤดูหนาวสำคัญเลยคือ ลองจอน เสื้อคอเต่า ผ้าพันคอ และอุปกรณ์กันหนาวต่างๆ เพราะคุณอาจเจออุณหภูมิติดลบเลยทีเดียว โดยทางเราแนะนำให้นักเดินทางทุกๆท่านตรวจสอบสภาพอากาศจาก Japan weather forecase ก่อนการเดินทางไปญี่ปุ่นทุกครั้ง เพื่อการเตรียมตัวที่ถูกต้องที่สุด

รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com