ไปญี่ปุ่นซื้ออะไรดี?…ลองมาดูตัวอย่าง 23 ไอเดียของฝากจากญี่ปุ่นปี 2025/2568 กันก่อนนะคะ บอกเลยว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศแห่งละลายทรัพย์นักท่องเที่ยวมาก ไม่ว่าจะซื้อให้ตัวเองหรือซื้อฝากคนอื่น รับรองว่ามีสินค้าน่าสนใจให้เลือกเพียบ ซึ่งของฝากที่น่าซื้อกลับมานั้นมีสารพัดหรรษา ตั้งแต่ของกินไปจนถึงของใช้ ทั้งแพ็กเกจและรูปลักษณ์ของสินค้านี่เรียกได้ว่าเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ว่าแล้วก็ไปดูกันดีกว่าว่าเราจะมีของฝากยอดฮิตจากญี่ปุ่นอะไรมาแนะนำบ้าง!
ของฝากและของที่ระลึก
1. ขนมของฝากในสนามบิน
ขนมของฝากยอดฮิตจากญี่ปุ่น สามารถหาซื้อได้ในร้านค้าปลอดภาษีหรือ Duty Free ที่สนามบินในญี่ปุ่นก่อนกลับไทย ถ้านึกอะไรไม่ออกก็ไปเดินเลือกที่หน้างานได้เลย มีโมเดลโชว์หน้าตาขนมชัดๆ บางตัวก็มีพนักงานมายื่นให้ชิมได้เลย!
⭐ ตัวอย่างขนมของฝากในสนามบินยอดฮิต
- ROYCE: มีขนมช็อกโกแลตให้เลือกหลากหลายแบบ ที่นิยมสุดๆ ก็ Nama Chocolate
- Shiroi Koibito: คุกกี้แซนด์วิชเนื้อบางกรอบ สอดไส้ไวท์ช็อกโกแลต ของฝากญี่ปุ่นยอดฮิตตลอดกาล
- Tokyo Banana: ขนมกล้วยญี่ปุ่น ตัวดังก็เป็นเค้กเนื้อนุ่มไส้คัสตาร์ดกล้วย
- Yoku Moku: คุกกี้ม้วนรสเนยหอมมัน ขนมแบบพรีเมียม แพ็กเกจหรูหรา ได้ลองแล้วจะติดใจ
- Tokyo Milk Cheese Factory: คุกกี้มิลค์ชีส แป้งเนื้อบางกรอบ สอดไส้ชีส หอมมัน เค็มนิดๆ
- New York Perfect Cheese: คุกกี้กรอบๆ ห่อชีสหอมๆ ไว้ตรงกลาง ในสนามบินขายดีมาก!
- Jaga Pokkuru: มันฝรั่งแท่งกรอบจากฮอกไกโด เค็มกำลังดี หยิบแล้วหยิบอีก เคี้ยวเพลินจนหยุดไม่ได้
- Sennarido Pistachio: ถั่วพิสตาชิโอคลุกวาซาบิ หอมเผ็ดนิดๆ ของฝากฮิตที่ไกด์ญี่ปุ่นมักแนะนำ
💡 ขนมพวกนี้ นอกสนามบินก็มีขายนะคะแต่อาจมีภาษีอีก 10% จึงแนะนำให้ซื้อใน Duty Free ที่สนามบิน (หรือหาซื้อในร้านที่เป็น Tax-free Shop) อย่าเพิ่งช็อปปิ้งในเมืองจนหมดตัว เผื่อเงินไว้ช็อปปิ้งของฝากปิดท้ายก่อนกลับบ้านกันด้วยนะ (ใครเงินเหลือไม่พอ ก็รูดบัตร รูดปรื้ดๆ ได้ตามสะดวก อิอิ)
2. ของฝากจากสถานที่ท่องเที่ยว
ของฝากจากญี่ปุ่นที่เห็นปุ๊บ รู้ทันทีว่าเราไปเที่ยวที่ไหนมา ส่วนใหญ่มีให้เลือกหลากหลาย ทั้ง ขนม ของประดับตกแต่ง เครื่องเขียน ของใช้ อย่างพวก แก้วน้ำ หรือของสะสม มีจุดเด่นเป็นลวดลายหรือมาสคอตของสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ ทั้งบนตัวสินค้าหรือที่แพ็กเกจ แล้วแต่การออกแบบ โดยสามารถหาซื้อได้ที่ร้านค้า Official ประจำสถานที่นั้นๆ เช่น TOKYO SKYTREE, Tokyo Disneyland, Universal Studios Japan หรือบางทีก็อาจเจอบ้างตามร้านขายของฝากตามแหล่งท่องเที่ยวในญี่ปุ่น
3. ของฝากหรือของขึ้นชื่อประจำท้องถิ่น
ข้อนี้อาจจะคล้ายกับข้อ 2 แต่เป็นของฝากญี่ปุ่นแนว OTOP หรือผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ซึ่งมีจำหน่ายตามร้านขายของฝากตามสถานที่ท่องเที่ยว ร้านขายของฝากในสถานีรถไฟ หรือร้านค้าทั่วไปในพื้นที่ โดยมีให้เลือกหลากหลายผลิตภัณฑ์ เช่น ขนมญี่ปุ่น อาหารแห้ง สินค้าแบบแฮนด์เมดและของใช้ เช่น พัด ถ้วยชาม ผ้าเช็ดหน้า กระเป๋าผ้า
💡 ผลิตภัณฑ์บางอย่างอาจไม่ได้มีแพ็กเกจหรูหรา แต่ก็ดูดีและสะท้อนสไตล์การออกแบบแบบญี่ปุ่นแท้ๆ และยังหาซื้อได้เฉพาะในท้องถิ่นนั้นๆ เหมาะกับคนที่อยากซื้อของฝากที่มีเรื่องราวและสะท้อนวัฒนธรรมของพื้นที่ที่ได้ไปท่องเที่ยวมาค่ะ
4. สินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น
ร้านขายของฝากสไตล์ญี่ปุ่นสุดคลาสสิก เช่น พัด ตะเกียบ ถ้วยชาม อุปกรณ์ชงชา มีอยู่ทั่วไปตามสถานที่ท่องเที่ยว นอกจากนี้ก็ยังมีเครื่องรางญี่ปุ่นซึ่งเรียกว่า “โอมาโมริ (Omamori )” ที่เป็นถุงผ้าเล็กๆ และมีสายห้อยให้พกติดตัวไปได้ มีหลายคำอธิษฐานให้เลือกอีกด้วย เช่น การเรียน การงาน ความรัก สุขภาพ นักท่องเที่ยวก็นิยมซื้อกลับไปเช่นกัน โดยสามารถหาซื้อได้ที่ศาลเจ้าและวัดวาอารามต่างๆ
💡 ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น เครื่องรางจะมีอายุการใช้งานหนึ่งปี พอใช้ครบกำหนดคนญี่ปุ่นก็จะนำไปคืนสถานที่ที่ซื้อมาและซื้ออันใหม่มาแทน หรือถ้าหากไม่สามารถกลับไปคืนที่เดิมได้ สามารถนำไปวางที่จุดคืนเครื่องรางที่ศาลเจ้าอื่นๆ ในญี่ปุ่น หรือเผาทำลายด้วยความเคารพ หรือจะเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็ได้เช่น อันนี้ก็แล้วแต่ความเชื่อของเราเลย
ของกิน
5. อาหาร ขนม และเครื่องดื่ม
ใครที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วอยากหาของกินติดไม้ติดมือกลับไทย เพราะมีราคาถูกกว่า และบางอย่างก็อาจมีขายแค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ขนม และเครื่องดื่มต่างๆ ของกินเหล่านี้สามารถหาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพง แถมยังซื้อไปเป็นของฝากก็ยังได้
⭐ ตัวอย่างรายการของกินน่าซื้อในญี่ปุ่น
- อาหารสำเร็จรูปและกึ่งสำหรับรูป: เช่น บะหมี่ ราเมงถ้วย แกงกะหรี่ ซุปมิโซะ ผงโรยข้าว ผักดองญี่ปุ่น
- ขนมและของกินเล่น: เช่น ช็อกโกแลต เยลลี่ผลไม้ มันฝรั่งทอด เซมเบ้ (ข้าวเกรียบญี่ปุ่น)
- เครื่องดื่มแบบสำเร็จและแบบชง: เช่น เบียร์ไร้แอลกอฮอล์ ชานมขวด ชาเขียวแบบใบชาและแบบปรุงสำเร็จ
📌 แนะนำร้านขายของกินในญี่ปุ่น
- ร้านสะดวกซื้อ: เช่น 7-Eleven, FamilyMart, Lawson
- ซูเปอร์มาร์เก็ต: เช่น AEON, Ito-Yokado
- ร้านขายสินค้าลดราคา: เช่น Don Quijote (หรือที่เรียกกันว่าร้านดองกิ) ซึ่งมีอยู่ทั่วญี่ปุ่น, Takeya (หรือที่กันว่าตึกม่วง) ที่ย่านอุเอโนะในโตเกียว
💡 ราคาสินค้าอาจแตกต่างกันไปตามโปรโมชั่นของแต่ละร้าน และถ้าซื้อในร้านที่เป็น Tax-free Shop ครบ 5,000 เยนขึ้นไป ก็ไม่ต้องจ่ายภาษีด้วยค่ะ
6. มัทฉะ
ขอแยกมาอีกข้อเลย เพราะตอนนี้กระแส “มัทฉะ (ชาเขียวแบบผง)” กำลังมาแรงในไทยสุดๆ โดยเฉพาะ “มัทฉะแบบเกรดพิธีการ (Ceremonial Grad)” ซึ่งเป็นมัทฉะเกรดสูงสุดที่ใช้ในพิธีชงชาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น มีสีเขียวสด รสนุ่ม ไม่ขม ใครไปเที่ยวญี่ปุ่นก็หาซื้อกลับมาลองชงดูนะคะ
📌 แนะนำมัทฉะจาก 5 เมืองชื่อดังของญี่ปุ่น
- Uji (Kyoto): เมืองต้นกำเนิดมัทฉะของญี่ปุ่น มีแบรนด์ดัง เช่น Ippodo Tea, Marukyu Koyamaen, Tsujiri, Hekisuien, Yamamasa Koyamaen, Hokoen Matcha, Kanbayashi Shunsho, Nakamura Tokichi
- Nishio (Aichi): แหล่งผลิตมัทฉะสีเขียวสดใส มีแบรนด์ดัง เช่น Aiya Matcha, Shokakuen, Nishio Matcha
- Shizuoka: เมืองที่ผลิตชาเขียวมากที่สุดในญี่ปุ่น มีแบรนด์ดัง เช่น Kanejo Tea, Osada Tea, Shizuoka Matcha
- Kagoshima: แหล่งปลูกชาทางใต้ รสชาติเข้มข้นที่สุด มีแบรนด์ดัง เช่น Satsuma Tea, Kagoshima Matcha
- Yame (Fukuoka): แหล่งผลิตมัทฉะโทนทั่วที่หลายคนชื่นชอบ มีแบรนด์ดัง เช่น Hoshino Seichaen, Yame Matcha
💡มัทฉะจากแต่ละเมือง แต่ละแบรนด์ แต่ละเกรด นั้นให้รสชาติและกลิ่นที่ไม่เหมือนกัน โดยมีปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้มัทฉะมีเอกลักษณ์แตกต่างกัน ได้แก่ สายพันธุ์ สภาพอากาศและดิน วิธีการเพาะปลูกและวิธีการแปรรูป ถ้าอยากรู้ว่าแต่ละผลิตภัณฑ์เป็นแบบไหน ให้ลองดูที่ Taste Note จากผู้ผลิตนะคะ
เครื่องสำอาง
7. เมคอัพและสกินแคร์
เครื่องสำอางแบรนด์ญี่ปุ่น อย่างพวกเมคอัพและสกินแคร์ เป็นอะไรที่ห้ามพลาดเลยสำหรับสาวๆ ด้วยค่าเงินที่ถูกมากในตอนนี้ และยังได้ Tax-free อีก คนไทยหลายๆ คนจึงนิยมมาซื้อพวกเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์ รวมถึงน้ำหอมด้วย ที่สำคัญร้านขายเครื่องสำอางในญี่ปุ่นมีเยอะมาก เรียกได้ว่าเดินไปทางไหนก็ต้องเจอพอ ๆ กับร้านสะดวกซื้อเลยทีเดียว
⭐ ตัวอย่างแบรนด์เครื่องสำอางในญี่ปุ่น
- เครือ SHISEIDO: ANESSA, Elixir, Ettusais, Integrate, MAJOLICA MAJORCA, MAQuillAGE, IPSA, SHISEIDO, Clé de Peau Beauté
- เครือ KANEBO: freeplus, Lunasol, Coffret D’or, KANEBO
- เครือ KOSÉ: softymo, FASIO, Visée, SEKKISEI, DECORTÉ
- เครือ Kao: Curel, Biore, SENKA, Sofina, SUQQU
- แบรนด์อื่นๆ: Hada Labo, CANMAKE, CEZANNE, EXCEL, SK-II, POLA
📌 แนะนำร้านขายเครื่องสำอางในญี่ปุ่น
- ร้านขายเครื่องสำอาง: @cosme Store
- ร้านขายยา: Matsumoto Kiyoshi, Tsuruha Drug, Sun Drug
- ร้านขายสินค้าลดราคา: Don Quijote, TAKEYA
- ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า: Bic Camera, Yodobashi Camera
- ห้างสรรพสินค้า: Isetan, Takashimaya, Daimaru, PARCO, Marui
- ร้านค้าปลอดภาษี: LAOX, Duty Free Shop ตามสนามบินต่างๆ
ข้อมูลเพิ่มเติม: 18 แบรนด์เครื่องสำอางญี่ปุ่น ที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนญี่ปุ่น!
8. อาหารเสริมและยา
อาหารเสริม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกวิตามิน และยาที่ใช้ทั่วไป ก็เป็นอีกหนึ่งประเภทสินค้าที่คนไทยมักหิ้วกลับมา แน่นอนว่ามีคุณภาพและราคาถูก แถมบางตัวสูตรของที่ญี่ปุ่นก็ยังไม่เหมือนกับที่ขายที่ไทยด้วย
⭐ ตัวอย่างอาหารเสริมและยาน่าซื้อ
- วิตามินแบบซองของ DHC: สำหรับบำรุงผิวและสุขภาพซึ่งมีให้เลือกยอะมาก
- วิตามินบีรวม Alinamin: ช่วยบำรุงประสาท ผ่อนคลายความเหนื่อยล้า
- คอลลาเจนผง Meiji: เพื่อผิวเปล่งปลั่ง ขายดีมากในญี่ปุ่น
- ยาหยอดตา ROHTO: สำหรับลดความอ่อนล้าของดวงตาและบำรุงสายตา
- ยาแต้มสิว PAIR: ช่วยลดสิวอักเสบยุบเร็วขึ้น
- ยาแก้ปวด EVE: สำหรับบรรเทาอาการปวดต่างๆ เช่น ปวดหัว ปวดประจำเดือน
- ยาแก้ท้องผูก Byurakku: ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ฮิตมากในญี่ปุ่น
- พลาสเตอร์ยาแบบเหลว Sakamukea: พอทาแล้วจะกลายเป็นฟิล์มบางๆ ปิดแผล
- แผ่นแปะแก้ร้อนใน Konai-en Patch: ใช้แปะในปาก ใครได้ลองก็ต้องบอกว่าเลิศมาก
ข้อมูลเพิ่มเติม:Matsumoto Kiyoshi ร้านขายยาญี่ปุ่นที่ขาช้อปต้องขอแวะ!
9. หน้ากากอนามัย
หน้ากากอนามัย ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งเพื่อป้องกัน ฝุ่น PM2.5 และ เชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัด, โควิด-19 ถ้าหากได้ลองแวะมาดูที่ร้านขายยาในญี่ปุ่น ก็จะพบว่ามีหน้ากากอนามัยให้เลือกหลายหลายแบบหลายฟังก์ชันมาก เช่น สำหรับผิวบอบบาง สำหรับคนใส่แว่น สำหรับช่วยให้หน้าดูเรียว
💡ตอนเลือกซื้อหน้ากากอนามัย ควรระวังเรื่องขนาด เพราะมีทั้งไซส์ธรรมดา (สำหรับผู้ชายและผู้หญิงทั่วไป) ไซส์เล็ก (สำหรับผู้หญิงหรือเด็กโต) และไซส์เด็ก
ข้อมูลเพิ่มเติม: หน้ากากอนามัยญี่ปุ่น…ซื้อหน้ากากกันฝุ่น PM2.5 กันไวรัส แบบไหนดี?
สินค้าแฟชั่น
10. เสื้อผ้า
ญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าเป็น “ประเทศแห่งแฟชั่น” เสื้อผ้าที่นี่จึงมีหลายแนวมาก ไม่ว่าจะเป็นสไตล์มินิมอล เท่ๆ แนวสตรีท หรือสไตล์หวานๆ เและยังมีร้านขายเยอะแยะมากมาย สามารถหาซื้อได้ง่ายตามแหล่งท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า และย่านช้อปปิ้งดังๆ
📌 แนะนำแบรนด์เสื้อผ้าของญี่ปุ่น
- Uniqlo: แบรนด์ที่คนไทยรู้จักดี ราคาไม่แพง ยิ่งซื้อที่ญี่ปุ่นยิ่งถูก
- GU (อ่านว่า “จียู”): แบรนด์ลูกของ Uniqlo ราคาถูกกว่า แฟชั่นแนววัยรุ่นมากกว่า
- MUJI: เสื้อผ้าแนวมินิมอลสุดๆ เน้นสีเอิร์ธโทน เนื้อผ้าดี ใส่สบาย
- WEGO: แบรนด์เสื้อผ้าเด็กแนว สไตล์ฮาราจูกุ ราคาก็โดนใจวัยโจ๋
- Earth Music & Ecology: เสื้อผ้าสไตล์ผู้หญิง หวานๆ น่ารัก
- Snidel: เสื้อผ้าสไตล์สาวหวาน เป็นที่นิยมมากๆ ในหมู่สาวญี่ปุ่น
- Urban Research: เน้นความเรียบหรู ดูดี ใส่ง่ายในชีวิตประจำวัน
- A Bathing Ape: แฟชั่นแนวสตรีท ถ้าเห็นลาย Camo และโลโก้ลิงน่าจะคุ้นตากันดี
- BEAMS: แฟชั่นแนวสตรีท มีดีไซน์ ราคาแรงนิดนึง
- COMME des GARÇONS: แบรนด์ญี่ปุ่นที่ดังไปทั่วโลก ถ้าเห็นโลโก้รูปหัวใจมีตา ต้องร้องอ๋อแน่นอน
ข้อมูลเพิ่มเติม: 30 แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นสไตล์ญี่ปุ่นสวยๆ น่ารักๆ และน่าซื้อเมื่อไปญี่ปุ่น!
11. รองเท้า
ถ้าพูดถึงของยอดฮิตที่คนไทยชอบมาซื้อกลับไป “รองเท้าผ้าใบ” ต้องติดอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน! เพราะรองเท้าแบรนด์ดังหลายแบรนด์ราคาถูกกว่าที่ไทย แถมยังมีแบบให้เลือกเยอะกว่า และก็ยังมีรุ่นหายากหรือรุ่นวางขายเฉพาะในญี่ปุ่นอีกด้วย
📌 แนะนำแบรนด์รองเท้ายอดนิยมในญี่ปุ่น
- ON (ON Running): แบรนด์จากสวิตเซอร์แลนด์ แต่คนไทยฮิตมาซื้อที่ญี่ปุ่น เพราะซื้อได้ในราคาถูกกว่า!
- Onitsuka Tiger: แบรนด์ของญี่ปุ่น สายวินเทจห้ามพลาด!
- ASICS: แบรนด์รองเท้าวิ่งยอดนิยมของญี่ปุ่น
- Mizuno: แบรนด์รองเท้ากีฬาดังของญี่ปุ่น
- New Balance: มีช็อปที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่โตเกียว
📌 แนะนำร้านขายรองเท้าในญี่ปุ่น
- แผนกกีฬา & แผนกรองเท้าในห้างสรรพสินค้า: Takashimaya, Isetan, Daimaru, Mitsukoshi
- ร้านรองเท้า: ABC-MART, BILLY’S ENT, ATMOS, Mita Sneakers
- ร้านขายอุปกรณ์กีฬาขนาดใหญ่: Alpen TOKYO, Art Sports ODBOX
12. กระเป๋า
กระเป๋าเป้ญี่ปุ่นที่คนไทยรู้จักดีคงหนีไม่พ้นแบรนด์ anello ราคาอยู่ที่ประมาณใบละ 6,000 – 9,000 เยน ส่วนใครที่มีงบเพิ่มอีกสักหลัก (เติม 0 จาก 5,000 อีกประมาณ 1 ตัวเป็นอย่างน้อย หุหุ) ก็แนะนำแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง Samantha Thavasa สำหรับสาวๆ ที่ชอบความหรูหรา น่ารัก และ PORTER by YOSHIDA & Co. สำหรับหนุ่มๆ ที่ชอบสไตล์เท่ๆ
📌 แนะนำแบรนด์กระเป๋าของญี่ปุ่น
- anello: ดีไซน์เหมาะกับวัยรุ่น ใช้งานได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ดีไซน์เหมาะกับวัยรุ่น
- Legato Largo: แบรนด์ในเครือเดียวกับ anello แต่เน้นดีไซน์ที่ดูเรียบหรู มีสไตล์
- Samantha Thavasa: แบรนด์หรูสัญชาติญี่ปุ่น ดีไซน์น่ารัก เหมาะกับสาวหวาน
- BAO BAO ISSEY MIYAKE: กระเป๋าดีไซน์ล้ำๆ มีทั้งแบบสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย
- PORTER by YOSHIDA & Co.: กระเป๋าสัญชาติญี่ปุ่น สไตล์เท่ๆ เหมาะสำหรับหนุ่มๆ
- TUMI: แบรนด์กระเป๋าจากอเมริกา แต่นิยมมากในหมู่ซารารี่แมนญี่ปุ่น
- Ace: แบรนด์กระเป๋าของญี่ปุ่น ตอบโจทย์ทั้งการใช้ในชีวิตประจำวันและการเดินทาง
- ProtecA: แบรนด์ในเครือ Ace ที่เน้นกระเป๋าเดินทางระดับพรีเมียม Made in Japan
- Rimowa: แบรนด์กระเป๋าเดินทางสุดหรูจากเยอรมัน ใครเห็นก็ต้องเหลียวมอง
ของใช้และเครื่องประดับ
13. ของใช้ ของตกแต่ง และเครื่องประดับ
ของใช้ยอดฮิตจากญี่ปุ่น ซื้อกลับมาใช้งานได้จริง ที่หลายคนจะนึกถึงอย่างแรกเลยก็คือ “ร่มพับญี่ปุ่น” เพราะมีจำหน่ายทั่วไปตามร้านของที่ระลึกและร้านค้าต่างๆ เป็นของที่ราคาไม่แพงและใช้งานได้จริง ส่วนพวกเครื่องประดับ ของแต่งบ้าน หรือเครื่องครัว ก็มีคุณภาพดีและยังดีไซน์เก๋ไก๋ตามสไตล์ญี่ปุ่น ซื้อกลับมาใช้เองก็ดี หรือให้คนอื่นเป็นของขวัญก็ได้เช่นกัน สามารถหาซื้อได้ง่ายทั้งร้านทั่วไปและร้านดังๆ ทั่วญี่ปุ่น
📌 แนะนำร้านขายของใช้และเครื่องประดับในญี่ปุ่น
- MUJI: ร้านขายของใช้และของแต่งบ้านดีไซน์มินิมอล
- Nitori: ร้านเฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้าน
- Loft: แหล่งรวมของใช้ ของตกแต่ง แก็ดเจ็ต และของขวัญเก๋ๆ
- Hands: แหล่งรวมของใช้ทุกหมวดหมู่และอุปกรณ์ DIY
14. เครื่องเขียน
เครื่องเขียนญี่ปุ่นนั้นมีให้เลือกใช้สารพัดแบบสารพัดไอเดียจะสร้างสรรค์ เป็นของฝากที่พลาดไม่ได้เลยหากได้มาเที่ยวญี่ปุ่น ของที่นิยมซื้อกลับมาก็มีพวกปากกาลบได้ ปากกาหมึกเจลเปลี่ยนไส้ได้ ปากกาไฮไลท์ ดินสอกด เทปลบคำผิด เทปลายน่ารักๆ และสมุดโน้ตสวยๆ สามารถหาซื้อได้ตามร้าน Loft, Hands, Muji เช่นเดียวกันของใช้ต่างๆ
15. สินค้าจากร้าน 100 เยน
ถ้าพูดถึงการช็อปปิ้งของถูกและดีในญี่ปุ่น ต้อง “ร้าน 100 เยน” นี่เลย! ร้านเหล่านี้มี สินค้าจำหน่ายทุกหมวดหมู่ ตั้งแต่ของใช้ ของแต่งบ้าน เครื่องเขียน ไปจนถึงของกิน และของฝากสุดคุ้ม ในราคาสบายกระเป๋าเริ่มต้นที่ 100 เยน (รวมภาษี 110 เยน) หรือประมาณ 25 บาทไทยเท่านั้น! ถือว่าเป็นราคาที่เหมาะมากๆ สำหรับซื้อเป็นของฝากคนอื่น หรือจะซื้อกลับมาใช้เองเพราะถูกกว่าซื้อในไทยไปครึ่งนึง
16. หนังสือและนิตยสาร
หนังสือแคตตาล็อกของแบรนด์ ที่เรียกว่า “BRAND MOOK” (มาจาก Magazine + Book) และนิตยสารที่ญี่ปุ่นมีความพิเศษกว่าที่อื่นเพราะ “ของพรีเมียม” ที่แถมมาด้วย ไม่ใช่แค่โปสการ์ดหรือสติ๊กเกอร์แบบทั่วไป แต่เป็นของใช้จริงๆ ที่ออกแบบสวย ดูดี และคุ้มค่าสุดๆ ด้วยนะ ของแถมโดยส่วนใหญ่จะเป็น กระเป๋าสะพาย กระเป๋าใส่เครื่องสำอาง กระเป๋าสตางค์ พวกของใช้อื่นๆ ก็มีบ้าง เช่น ร่ม นาฬิกา ใครสนใจสามารถไปเลือกดูได้เลยตามร้านหนังสือ
17. สินค้าสัตว์เลี้ยง
แอบหนีเจ้านายมาเที่ยว กลับไปมือเปล่าไม่ได้นะคะ ไม่งั้นอาจโดนสายตาพิฆาตจากน้องหมาน้องแมวได้ ขอบอกก่อนบอกเลยว่าสินค้าสัตว์เลี้ยงในญี่ปุ่นนั้นไม่ถูกนะคะ แต่ว่าของเค้าดีและน่ารักมาก โดยเฉพาะพวกเสื้อผ้าและกระเป๋า ยิ่งถ้าชอบจับเจ้านายแต่งตัวพาไปเที่ยวด้วยแล้ว ทาสแทบกระเป๋าฉีกเลย!
📌 แนะนำเพ็ทช็อปในญี่ปุ่น
- Pet Paradise: เน้นเสื้อผ้าและอุปกรณ์ มีธีมการ์ตูนน่ารัก เช่น Disney
- Pet Shop KOJIMA: ร้านเพ็ทช็อปใหญ่ มีสินค้าครบทุกหมวด
- PETEMO: อยู่ในเครือ AEON
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
18. เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นสินค้า Tax-free สำหรับนักท่องเที่ยว แต่ถ้าจะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ญี่ปุ่น ควรเช็กราคาจากไทยไปด้วย เพราะบางทีก็ไม่ถูกกว่าเท่าไหร่ แถมบางครั้งประกันก็ยังไม่ครอบคลุมที่ไทย นอกจากนั้นแล้วยังต้องระวังเรื่องแรงดันไฟฟ้า เพราะที่ญี่ปุ่นใช้ 110V ส่วนไทยใช้ 220V สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ที่ชาร์จหรืออะแดปเตอร์แยกต่างหาก เช่น กล้องถ่ายรูป หูฟังบลูทูธ รวมถึงอุปกรณ์ที่เขียนเลยว่ารองรับไฟตั้งแต่ 100-240V อย่างพวกเครื่องใช้ฟ้าในหมวดดูแลสุขภาพและความงาม เช่น ที่หนีบผม ที่โกนหนวดไฟฟ้า แปรงสีฟันไฟฟ้า เครื่องนวดหน้า นั้นไม่มีปัญหาอะไรเรื่องกระแสไฟ สามารถนำมาใช้ที่ไทยได้เลย
📌 แนะนำร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าในญี่ปุ่น
- Bic Camera: ศูนย์รวมกล้องและเครื่องใช้ไฟฟ้า และยังมีสินค้าอีกหลากหลาย
- Yodobashi Camera: ศูนย์รวมกล้องและเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นห้างขนาดใหญ่และยังมีสินค้าอื่นๆ อย่างครบครัน
- LABI (Yamada Denki): ศูนย์รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า มีสาขาเยอะที่สุดในญี่ปุ่น
- LAOX: ร้านค้าปลอดภาษีเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยว (Duty Free)
ข้อมูลเพิ่มเติม: ปลั๊กไฟญี่ปุ่น กระแสไฟฟ้าที่ญี่ปุ่น เขาใช้แบบไหนกันนะ?
19. อุปกรณ์เสริมเครื่องเล่นเกม
เครื่องเล่นเกมที่ขายที่นี่นั้นจะเป็นโซนญี่ปุ่น บางครั้งทางร้านก็อาจปฏิเสธไม่ขายให้กับนักท่องเที่ยว แถมยังเอากลับมาเข้าศูนย์ที่ไทยไม่ได้อีก แต่พวกอุปกรณ์เสริมสำหรับเกม เช่น จอยเกม กระเป๋า เคสใส่เครื่องเล่นเกม สามารถซื้อได้ปกติไม่มีปัญหาอะไร แถมยังได้ Tax-free ด้วย
20. นาฬิกา
ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องนาฬิกาคุณภาพดี ทั้งแบรนด์ญี่ปุ่นแท้ๆ อย่าง Seiko, Casio, Citizen, Orient และแบรนด์หรูนำเข้าต่างๆ เช่น ROLEX ที่มักมีราคาถูกกว่าที่ไทย โดยเฉพาะรุ่นลิมิเต็ดที่ขายในญี่ปุ่น นอกจากนี้นาฬิกาก็เป็นสินค้า Tax-free เช่นกัน ถ้าซื้อในญี่ปุ่นก็จะยิ่งได้ราคาดี สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายนาฬิกา ร้านขายเครื่องใช้ฟ้า ห้างสรรพสินค้า รวมถึงร้านขายสินค้าลดราคา Duty Free ในสนามบิน
ข้อมูลเพิ่มเติม: HOUSEKIHIROBA ร้านขายนาฬิกาใหม่และมือสองราคาดีของญี่ปุ่น
ของเล่นและของสะสม
21. ของเล่นและสินค้าจากการ์ตูน
ญี่ปุ่นถือได้ว่าเป็นสวรรค์สำหรับคนที่เป็นแฟนการ์ตูน อนิเมะ หรือคนที่ชอบสะสมของน่ารักๆ เลย เพราะที่นี่มีร้านให้เลือกเพียบ ทั้งในแหล่งท่องเที่ยว ย่านช็อปปิ้ง และห้างสรรพสินค้า รวมถึงแหล่งขายของเล่นที่โด่งดังก็อย่าง ย่าน Akihabara ที่โตเกียว และย่าน DENDEN Town ที่โอซาก้า
📌 แนะนำร้านของเล่นและสินค้าจากการ์ตูนญี่ปุ่น
- Disney Store: ร้านขายสินค้าของดิสนีย์
- Sanrio Store: ร้านขายสินค้าของ Hello Kitty และผองเพื่อน
- Donguri Kyowakoku: ร้านขายสินค้าจาก Ghibli
- Rilakkuma Store: ร้านขายสินค้า Rilakkuma และ San-X
- Sekiguchi Store: ร้านขายสินค้า Monchhichi ที่กำลังฮิตในตอนนี้
- Miffy Style: ร้านขายสินค้าของ Miffy
- Moomin Shop: ร้านขายสินค้าของ Moomin
- Pokémon Center: ศูนย์รวมสินค้าของ Pokémon
- Nintendo: ร้านขายสินค้าคาแรคเตอร์จากเกม Nintendo เช่น Super Mario
- Kiddy Land: ร้านที่รวมทั้งของเล่นและสินค้าต่างๆ จากการ์ตูนมาไว้ที่เดียว
- POP MART Japan: ร้านขาย Art Toy และกล่องสุ่มที่กำลังฮิตในช่วงนี้
- Gundam Base: ร้านขาย Gunpla และสินค้าของ Gundam
- Animate: ร้านขายของ Anime และ Manga
- Gashapon Department Store: ห้างกาชาปอง (เป็นตู้หมุนแคปซูล ภายในมีของเล่น ของสะสม ฟิกเกอร์ ของจิ๋วน่ารักๆ)
- Taito Station: ร้านที่รวมตู้คีบตุ๊กตา (มีทั้งตุ๊กตา ฟิกเกอร์ ของใช้ต่างๆ ต้องใช้ทักษะในการคีบ)
22. สินค้าจากสถานีโทรทัศน์
สถานีโทรทัศน์ของญี่ปุ่นอย่างเช่น Nippon TV, Fuji TV, TBS, TV Asahi จะต้องมีมาสคอร์ตเป็นตัวการ์ตูนและจะทำสินค้าน่ารักๆ ออกมาขายสารพัดชนิด รวมถึงดราม่า วาไรตี้โชว์ดังๆ และการ์ตูนที่ฉายทางช่องนั้นๆ ก็ยังมีสินค้าเป็นของตัวเองมาวางจำหน่ายด้วย สินค้าเหล่านี้สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายของที่ระลึกภายในสถานีโทรทัศน์เอง และร้านค้าที่อยู่ภายในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น Tokyo Station Character Street, Tokyo Skytree Solamachi
23. สินค้าของไอดอล
ใครที่เป็นแฟนไอดอลญี่ปุ่น หรือมีเพื่อนที่เป็นสาย J-POP ถ้าได้ไปญี่ปุ่นทั้งที ต้องไม่พลาด มาช้อปสินค้าของศิลปินสุดรัก ไม่ว่าจะเป็น รูปถ่าย โฟโต้บุ๊ก นิตยสาร อัลบั้ม หรือกู๊ดต่างๆ ที่แต่ละศิลปินต่างออกมารูดทรัพย์เรา (อยากจะตะโกนบอกว่าแค่ซื้อของในคอนหรือแฟนมีทก็แทบหมดตัวแล้ว 555) แหล่งขายสินค้าเหล่านี้หาได้ง่ายที่ย่านฮาราจูกุในโตเกียว ซึ่งเป็นแหล่งช็อปปิ้งยอดฮิตของวัยรุ่น
ส่งท้าย
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ…กับ 23 ไอเดียของฝากน่าซื้อจากญี่ปุ่น ปี 2025/2568 ทั้งหมดที่เขียนมานี้มาจากประสบการณ์การช้อปที่ผ่านมาของตัวเองและการอ่านรีวิวตามแหล่งต่างๆ มิได้ค่าคอมมิสชั่นแต่อย่างได้นะ หุหุ หากใครมีไอเดียของฝากจากญี่ปุ่นเด็ดๆ นอกเหนือจากนี้ก็สามารถเอามาแชร์เพื่อนๆ ได้นะคะ สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีค่าาา
⚠️ ประเทศญี่ปุ่นมีการปรับภาษีจาก 8% เป็น 10% เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2019
ค้นหาและเทียบราคาที่พักในญี่ปุ่น
บทความช้อปปิ้งญี่ปุ่น
- 25 ร้านขายของญี่ปุ่น & ร้านของฝากที่ห้ามพลาดเมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น
- 21 ไอเดียของฝากจากญี่ปุ่น ของฝากน่าซื้อ ห้ามพลาด! ไปญี่ปุ่นซื้ออะไรดี?
- 18 แบรนด์เครื่องสำอางญี่ปุ่น ที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนญี่ปุ่น!
- Japan 101 ติวเข้มก่อนไปญี่ปุ่น! 60 ข้อน่ารู้เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
- คู่มือเที่ยวญี่ปุ่น (Japan Guide) เมืองน่าเที่ยว & สถานที่ท่องเที่ยวฮิต
- คู่มือเที่ยวโตเกียว (Tokyo) แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวโตเกียวสุดฮิต
รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com